ในพระหัตถ์พระเจ้า

ในพระหัตถ์พระเจ้า

และเขาคนนี้วิศวกรหนุ่ม อนาคตไกล ที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเพราะอุบัติเหตุร้ายแรง เขาถูกรถชนบนทางโทลล์เวย์และตกลงมาที่พื้นถนนด้านล่างซึ่งสูงประมาณตึก 5 ชั้น ใครๆ เห็น แล้วก็บอกว่า “เขาคงไม่รอดแน่นอน! หรือถ้ารอด ก็คงเป็นเจ้าชายนิทราหรือเป็นอัมพาต” แต่เขารอดมาได้ เขาได้ให้เกียรติมาเล่าให้เราฟังถึงเหตุการณ์ ที่ผ่านมาภายใต้ความเจ็บปวดทางร่างกายอย่างแสนสาหัส มีน้ำพระทัยของพระเจ้าที่เป็นพระพรแฝงลึกในเหตุการณ์เหล่านั้น เพราะในช่วงเวลาแห่งความเจ็บป่วยนี้เองมีวิญญาณจิตดวงหนึ่งได้กลับใจมาเชื่อพระเจ้า ได้พบกับความรอด ท่านเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณอ๊อดคือคุณแม่ของคุณอ๊อดเอง คุณสุริยา สุคำภา มีชื่อเล่นๆ ว่า “อ๊อด”

เกิดในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นครู คุณแม่ค้าขาย เขาได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยขอนแก่นในคณะวิศวกรรมศาสตร์และได้เดินทางไปเรียนอยู่ที่นั่น เขาเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่ชอบทั้งสูบ ดื่ม และเที่ยวหนักมาก จนการเรียนตกต่ำ (ติด F ถึง 4 วิชา) เมื่อกลับไปบ้านก็ไม่กล้าบอกพ่อแม่กลัวท่านเสียใจ แม้ตั้งใจว่าเทอมหน้าจะเริ่มตั้งใจเรียน แต่ดูเหมือนเขาไม่มีกำลังที่จะเอาชนะการทำสิ่งเลวร้ายต่างๆได้ และแล้วก็ได้รู้จักกับเพื่อนคริสเตียนคนหนึ่งได้ชวนเขาไปร่วมกลุ่ม ชมรมนักศึกษาคริสเตียน เขาได้มีโอกาสพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ชีวิต เขาจึงได้เริ่มศึกษาและเข้าไปสัมผัสกับชีวิตของคริสเตียน เขาเล่าให้ฟังว่า “ในคืนหนึ่งผมได้อ่าน ใบปลิวใบหนึ่ง ในนั้นกล่าวว่า ‘มนุษย์ทุกคนเป็น คนบาป พระเจ้าจะมาพิพากษา’ ผมเริ่มรู้สึกตัวเอง เป็นคนบาป อยากได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้า จึงได้กลับใจใหม่เชื่อพระเจ้าในที่สุด และพระเจ้าทรงให้กำลังแก่ผมที่จะเอาชนะสิ่งเลวร้ายต่างๆ และสามารถเรียนจบได้ในที่สุด” เมื่อจบการศึกษาแล้วก็ได้ทำงานเป็นวิศวกรสนามคุมงานก่อสร้าง เขาทำงานหนัก งานรัดตัวมากจนทำให้ความสัมพันธ์กับพระเจ้าห่างไปด้วย เป็นอย่างนี้ถึง 4 ปี และแล้วเหตุการณ์ ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เขาเล่าให้ฟังต่อว่า “เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2539 เวลาทุ่มเศษ ผมได้ขับรถขึ้นมาบนทางด่วนโทลล์เวย์โดยความเร็วสูง ฝนตก ถนนลื่น รถจึงชนกับขอบสะพานแถวหน้าเดลินิวส์ ผมจึงจอดรถทางเลนขวาไว้ และเดินมาทางซ้ายสุดเพื่อยืน รอบริษัทประกันภัยจะส่งคนมาดู เพราะว่าเลนขวานั้น รถวิ่งเร็วมาก ขณะที่ผมรอบริษัทประกันอยู่นั้น มีรถปิกอัฟคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วทางเลนขวา เจอรถผมที่จอดไว้จึงหักหลบและชนกรวยที่เจ้าหน้าที่ ทางด่วนวางไว้และพุ่งมาชนขอบโทลล์เวย์ตรงที่ผมยืนอยู่ ผมไม่มีทางหลบทันได้เลยจึงตกลงมาจาก ทางด่วนที่ถนนคอนกรีตข้างล่างด้วยความสูง ประมาณตึก 5 ชั้น ผมหมดสติ สลบไป 5 วัน มารู้ตอนหลังว่าผมถูกส่งโรงพยาบาลโดยรถมูลนิธิร่วมกตัญญู อาการของผมในเวลานั้นก็คือ เลือดหมดไปครึ่งตัว สมองบวม มีเลือดคั่งเล็กน้อย มีเลือดออกทางจมูกทางตาและทางปาก คางหักครึ่ง ขากรรไกรหัก ฐานกระโหลกร้าว กระดูกต้นคอเคลื่อน กระดูกแขน หัก กระดูกสันหลังหัก 2 ท่อนทับเส้นประสาทก้นกบหัก เท้า 2 ข้างหัก ส่วนใบหน้าเละ คุณหมอไม่รับประกันว่าจะรอดหรือไม่ ในช่วงนั้นมีพี่น้องคริสเตียนจาก คริสตจักรต่างๆ มาอธิษฐานเผื่อเพื่อพระเจ้าจะประทานกำลังให้แก่ผมในการต่อสู้ความเจ็บปวด เพราะขณะนั้นความดันไม่ขึ้นเสียเลือดไปเกือบ 80% ไม่สามารถผ่าตัดได้ และขอพระเจ้าประทานสติปัญญา ให้แก่หมอในการรักษาและพระองค์ก็ทรงตอบคำอธิษฐานของทุกคน ผมสามารถมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ ทรงทำได้ทุกสิ่งไม่มีอะไรที่พระเจ้า ทำไม่ได้ ผมคิดถึงในพระธรรมยากอบ 5:16 ที่ว่า ‘…คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังทำให้เกิดผล'”

เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เขาต้องรักษาตัว ต้องผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง ทำงานไม่ได้เป็นปี ช่วงแรกยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จะเข้าห้องน้ำก็ต้องคลานเข้าไป ลำบากแสนสาหัส แต่เขามีความเชื่อมาก เขาเล่าว่า “เมื่อก่อนผมทำงานหนักเกินไป ทำให้ผมไม่ได้รับใช้พระเจ้า ผมจึงขอพระเจ้าให้ผมมีเวลาได้รับใช้พระองค์บ้าง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผมรู้ดีว่าพระเจ้าให้ผมยังมีชีวิตอยู่ เพราะคนที่ตกจากความสูงขนาดนั้น ไม่มีโอกาสจะรอดได้ จากเหตุการณ์นั้นมาผมได้ใกล้ชิดพระเจ้า มีความเชื่อ มีประสบการณ์กับพระเจ้ามากขึ้น พึ่งพระเจ้ามากขึ้น อย่างเรื่องที่ เกิดขึ้นเส้นประสาทปลายเท้าข้างซ้ายขาด คุณหมอบอกว่ามีเพียง 1% เท่านั้นที่จะกลับมาเดินได้ แต่ผมมีความเชื่อว่าพระเจ้าจะรักษาผมให้เดินได้ และมันก็ค่อยๆ กลับคืนมา ปัจจุบันผมเดินได้ ขับรถได้ ผมไม่เคยต่อว่าพระเจ้า แม้จะเจ็บเจียนตาย เพราะผมทราบดีว่าผมยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะพระเจ้าให้ชีวิตกับผม

การที่พระเจ้าประทานชีวิตนิรันดร์ ให้นั้นเป็นพระคุณของพระเจ้ามากแล้ว เราไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อว่าพระเจ้าเพราะเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นพระเจ้าจะให้เกิดผลดี พระองค์ทรงสอนให้เรารู้จักที่จะดำเนินชีวิตในทางของพระองค์ เพราะเรา ไม่รู้ว่าเราจะอยู่ในโลกนี้อีกนานแค่ไหน หลังจากเหตุการณ์นี้ทำให้ชีวิตผมติดสนิทกับพระเจ้า รับใช้พระเจ้า เป็นพยานมากขึ้น” ในระหว่างที่รักษาตัวอยู่ ผู้ที่คอยดูแล คุณอ๊อดอยู่เป็นประจำคือคุณแม่คุณอ๊อดที่ยังไม่เชื่อ พระเจ้า คุณอ๊อดเล่าว่า “เมื่อก่อนผมเคยอธิษฐานกับ พระเจ้าขอให้คุณพ่อคุณแม่ผมมาเชื่อพระเจ้าโดย วิธีใดก็ตาม เพราะแม่ผมเป็นพุทธที่เคร่งมาก ไปวัดเกือบทุกวัน มาถึงตอนนี้ที่ผมป่วยผมจึงบอกกับแม่ว่า ผมรักแม่นะจึงอยากจะเป็นพยานให้แม่ฟัง ให้แม่รู้จักกับพระเจ้า คุณแม่ก็ฟังมากขึ้น ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ผมจะถูกเชิญให้ไปเป็นพยานหนุนใจ กลุ่มคนป่วยที่มาโรงพยาบาลฯ มีครั้งหนึ่งยายคนหนึ่ง ได้รับเชื่อพระเจ้าด้วย ขณะเป็นพยานแม่ผมจะตามไปฟังทุกครั้ง แม่จะได้ยินได้ฟังด้วย และท่านก็ได้รับเชื่อพระเจ้าในที่สุด ผมเชื่อว่าเป็นแผนการณ์ของพระเจ้าที่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเพื่อแม่ผมจะได้มาเชื่อในพระเจ้า” การดำเนินชีวิตในแต่ละวันของคุณอ๊อด เขาได้ใช้พระวจนะของพระเจ้ากับชีวิตของเขาเสมอ เขากล่าวว่า “ผมจำได้ว่าขณะที่ผมป่วยมีคนมาอ่านพระคัมภีร์ให้ฟังเสมอ อย่างในพระธรรมยอห์น อ่านให้ฟังทั้งเล่ม

ข้อพระธรรมที่ผมใช้ในชีวิตประจำเสมอคือในพระธรรมฟีลิปปี 4:4-6 ที่ว่า ‘จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้า ขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด จงให้จิตใจที่อ่อน สุภาพของท่านประจักษ์แก่คนทั้งปวง องค์พระผู้เป็น เจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อ พระเจ้าด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบ พระคุณ แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์’ และในพระธรรมสดุดี 91:11-12 ที่ว่า ‘เพราะพระองค์จะรับสั่งเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ ในเรื่องท่าน ให้ระแวดระวังท่านในทางทั้งปวง ของท่าน เขาทั้งหลายจะเอามือประคองชูท่านไว้ เกรงว่าเท้าของท่านจะกระแทกหิน'”

ชีวิตของแต่ละคนพระเจ้าทรงมีน้ำพระทัย ที่ไม่เหมือนกัน สำหรับคุณอ๊อดพระเจ้าให้สิ่งที่ดูเหมือนเลวร้ายเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเกิดขึ้น เพื่อให้คุณอ๊อดกลับมาหาพระเจ้า ในเหตุการณ์นี้มีน้ำพระทัยพระเจ้าที่เป็นพระพรแฝงอยู่อีกก็คือให้ คุณแม่ของคุณอ๊อดได้รับความรอด ขอพระวจนะของพระเจ้าจะเป็นโคมส่องเท้าของชีวิตทุกท่านเสมอ เพื่อท่านจะทราบน้ำพระทัยของพระเจ้าตลอดชีวิตของท่าน เพราะพระเจ้าจะทรงประทานสิ่งที่ดีแก่ ผู้ที่รักพระองค์เสมอ

สมาคมพระคริสตธรรมไทย ขอขอบคุณ คุณสุริยา ที่กรุณาให้ทางสมาคมฯ ได้มีโอกาส สัมภาษณ์ และนำคำสัมภาษณ์ลงในคริสตสายสัมพันธ์ฉบับนี้ ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรคุณสุริยา และครอบครัว ตลอดไป

  • คุณสุริยา สุคำภา (อ๊อด)
  • ภาพ Evening_Tao – Freepik.com