Cookie Run งานประจำ ที่ไม่ได้เงินเดือน 2/14

Cookie Run งานประจำ ที่ไม่ได้เงินเดือน

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาทั้งตอนเช้าตรู่ หัวค่ำ หรือดึกดื่นเที่ยงคืน ผมมักจะได้รับข้อความผ่าน line ดังติดต่อกันหลายครั้ง จนคิดว่าคนส่งข้อความต้องมีธุระด่วนมากแน่ๆ (LINE เป็นโปรแกรมประยุกต์ในสมาร์ทโฟน ซึ่งให้บริการข้อความและข้อความเสียง ตลอดจนการโทรศัพท์ และสนทนาผ่านวีดีโอ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม : 2014,Guru.sanook.com) สุดท้ายเป็นเพียงข้อความเพื่อขอเครดิตในการเล่นเกมผ่านไลน์เท่านั้น ปรากฏการณ์นี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจจริงๆ ผมไม่เคยรู้จักสิ่งที่เรียกว่า cookie run มาก่อนเลยแต่เมื่อผมเริ่มทำความรู้จักกับสิ่งนี้ ผมก็ได้พบอุปกรณ์ฆ่าเวลาที่สนุกสนานเหลือเกิน หรือบางทีผมอาจเผลอไปเปิดกล่องแพนดอร่าในยุคสมัยนี้เข้าเสียแล้ว

สังคมเปลี่ยนไปมากจนบทความที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี และ social network ที่ผมทั้งหาอ่านและเขียนขึ้นเองในระยะเวลาหนึ่งถึงสองปี กำลังกลายเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ที่โลกจำแทบไม่ได้อีกแล้ว ทุกวันนี้คนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง ไม่มีคอมพิวเตอร์ หายากขึ้นเรื่อยๆ และหากใครที่ยังถือหลักอนุรักษ์นิยมเช่นนี้ ก็มักถูกค่อนแคะไปต่างๆ นาๆ ว่าเป็นพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปี วัยรุ่นสมัยใหม่เองก็ไม่ต้องคอยกังวลอีกแล้วว่าพ่อแม่จะมาคอยจับผิดการเล่นเกมออนไลน์ เพราะการเล่นเกมผ่านสมาร์ทโฟน สามารถทำได้ง่าย ทำได้ทุกที่ จนทุกวันนี้คงไม่มีใครหยิบหนังสือพิมพ์เข้าไปอ่านเวลาปลดทุกข์เหมือนภาพยนตร์ยุคโบราณอีกแล้ว แค่หยิบสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ตส่วนตัว ก็มีทั้งหนังสือพิมพ์ เกม และโลกออนไลน์ที่พร้อมต้อนรับอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงโปรแกรมไลน์ น่าจะเป็น social network ที่ได้รับความนิยมระดับต้นๆ ในประเทศไทย เหมือนกับที่โปรแกรม Kakao ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศเกาหลีใต้ เกมที่มีความเกี่ยวข้องกับโปรแกรมไลน์จึงได้รับความ
นิยมไปด้วย ทั้ง linepop, linebubble ต่างก็ได้รับความนิยมอย่างมาก จนไม่มีใครคุยกันหรือมองวิวข้างทางอีกแล้วบนรถไฟฟ้าและรถประจำทาง เราพร้อมใจกันก้มหน้ามองจอ ราวกับว่ามันเป็นท่านั่งประจำชาติของเราเลยทีเดียว เกม cookie run ซึ่งเป็นเกมใหม่ของไลน์กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง ขนาดที่ว่าถ้าใครไม่รู้จักเกมนี้ก็จะดูเชยเสียยิ่งกว่าคนที่ไม่เข้าใจมุกเรื่อง “มีถั่วมั้ย?” หรือ “ชัชชาติ รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” เสียอีก (หากผู้อ่านไม่เข้าใจสองเรื่องนี้ อาจเป็นลางบอกเหตุว่าพวกเราเข้าข่ายคนตกยุคกันเข้าแล้วครับ)

คุกกี้รัน เป็นเกมที่เกี่ยวข้องกับเจ้าคุกกี้ขนมขิง และบรรดาเพื่อนฝูงคุกกี้รสชาติต่างๆ พยายามวิ่งหนีออกจากการควบคุมของแม่มด เราต้องโดดหลบหรือก้มตัวหลบ สิ่งกีดขวางต่างๆ วิธีการเล่นเกมเข้าใจง่าย แต่เล่นไม่ง่ายเลย ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ต้องมนต์สะกดของเจ้าเกมนี้อย่างไม่รู้ตัว และพยายามจะแข่งขันกับเพื่อนในไลน์อยู่ตลอดเวลาเพื่อจะมีคะแนนสูงเป็นอันดับต้นๆ และนี่นับเป็นเสน่ห์เหลือร้าย ที่ยั่วยวนให้ผู้คนนำเวลามาเผาผลาญทิ้งไปต่อหน้าต่อตา ขนาดที่บางคนใช้เวลาเล่นเจ้าคุกกี้รัน มากเสียกว่าเวลาทำงานของตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่ได้รับเงินเดือนแม้แต่บาทเดียว ผมเองกว่าจะรู้ตัวก็พบว่านั่งเล่นเจ้าคุกกี้รัน แทบจะตลอดเวลาที่ว่าง ยอมตื่นเช้า ยอมนอนดึก เพื่อขอได้วิ่งเจ้าคุกกี้รันอีกสักเกม ถ้าในโลกแห่งความเป็นจริงผมรักการวิ่งมากขนาดนี้ บางทีผมอาจกลายเป็นนักวิ่งมาราธอนทีมชาติขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครสักคนผอมลงเพราะวิ่งเจ้าคุกกี้ตัวโปรด มีแต่ผิวหนังที่หัวแม่มือสองข้างที่ด้านขึ้นมากก็เท่านั้น

ความสนุกสนานเป็นสิ่งที่ดี เหมือนที่พระธรรมสุภาษิต17:22 กล่าวว่า “ใจร่าเริงเป็นยาอย่างดี…” แต่สิ่งทุกคนจะต้องถามคำถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมาก็คือ สิ่งนี้เป็นมากกว่าความสนุกสนานหรือไม่ เรากำลังเล่นสนุก หรือเรากำลังเสพติด เราอาจคิดว่าเรามีอิสระที่จะตัดสินใจหรือทำอะไรก็ได้ ตราบที่สิ่งนั้นไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น จากประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาของผม คนที่ติดเหล้า ติดบุหรี่ ติดยาเสพติด หรือติดการ เที่ยวผู้หญิง ก็มักให้คำตอบแบบเดียวกันนี้ว่า สิ่งที่เขาทำนั้นเดือดร้อนชีวิตของเขา ไม่เกี่ยวกับคนอื่น จะมายุ่งอะไรนักหนา แต่เราทุกคนต่างก็ทราบดีว่าการกระทำของเรามีผลกระทบต่อคนที่อยู่รอบข้างเรา ผมจึงอยากฝากสามคำถามเพื่อเราจะสามารถวินิจฉัยตัวเราเองว่า การเล่นคุกกี้รัน หรือการใช้เวลาของเรากับหน้าจอสมาร์ทโฟนนั้นคุ้มค่าและคู่ควรที่เราจะตัดสินใจเลือกหรือไม่

ประการแรก “เคยลงแดงบ้างไหม?” อาการลงแดง หรือ withdrawal symptom เป็นอาการสำคัญของคนที่ติดสิ่งเสพติด ที่จะมีความรู้สึกหงุดหงิด ทรมาน ทุรนทุราย หากไม่ได้เสพในสิ่งที่ตนต้องการนานเกินไป ในพระธรรม 1 โครินธิ์ 6:12 กล่าวว่า “ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นเป็นประโยชน์ ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้ แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดเลย” หากการเล่นคุกกี้รัน หรือสมาร์ทโฟนทำให้เรายอมไปทำงานสาย กลับบ้านดึกกว่าที่เคย ผิดนัด ลืมทำการบ้านหรืองานที่ค้างไว้ เพราะเราอดไม่ได้ และต้องเล่นอยู่เสมอ ผมขอเสนอให้ผู้อ่านหยุดเล่นคุกกี้รัน หรือเกมที่ท่านกำลังติดพันอยู่สักสามวัน แล้วสังเกตว่าท่านมีอาการกระสับกระส่ายมากน้อยขนาดไหน ผมเชื่อเหลือเกินว่าหากเราซื่อสัตย์กับตัวเองมากพอ เราจะสามารถตอบได้อย่างจริงใจว่า เราเข้าข่ายตกอยู่ภายใต้อำนาจของสิ่งนั้นหรือไม่ ถ้าคำตอบคือใช่ ก็รีบหนีให้ไกลจากสิ่งนั้นก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินแก้ดีกว่า

ประการที่สอง “เคยได้ค่าตอบแทนบ้างไหม?” ในพระธรรม 1 โครินธ์ 10:23 กล่าวว่า “เราทำทุกสิ่งได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์ เราทำทุกสิ่งได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นทำให้เจริญขึ้น” สมัยที่เรียนระดับปริญญาตรี ผมเคยมีความคับข้องใจอย่างมากกับการฝึกวิ่งเป็นเวลานานของทีมฟุตบอล จนนึกสงสัยว่าเราจะทำแบบนี้ไปทำไม แต่การวิ่งก็ช่วยพัฒนาฝีเท้าและความอดทนการเล่น และสามารถทำได้รับผลการแข่งขันที่ดีขึ้นได้ คำถามก็คือ การเล่นคุกกี้รันให้ประโยชน์อะไรแก่เราบ้าง เราทุกคนที่ทำงานและรับเงินเดือน หากต้องทำงานล่วงเวลาอยู่เป็นประจำ เราคงต้องออกมาเรียกร้อง OT ให้สมกับเนื้องานที่เราสละเวลาไปอย่างแน่นอน แต่น่าแปลกใจที่เรายอมเสียเวลาหลายชั่วโมง หลายวัน เพื่อเล่นคุกกี้รันอย่างจริงจัง ราวกับว่าสิ่งนี้จะให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า แต่ท้ายที่สุดเราได้เพียงคะแนนที่เอามาโอ้อวดกันในโลกแห่งการสมมติ แต่ไม่มีค่าตอบแทนหรือเงินเดือนที่เราได้รับจริง หรือไม่ได้รับแม้แต่การน้ำหนักสักหนึ่งกิโลที่ลดลงจากการวิ่งอย่างมากมายและบ้าคลั่งของคุกกี้รัน ในทางกลับกันเราอาจได้รับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น เพราะทานแต่อาหารที่สะดวกกิน แต่ไม่ให้คุณประโยชน์ใดๆ ต่อร่างกาย

ประการสุดท้าย “เคยให้สาระกับชีวิตบ้างไหม?” พระธรรม 1 ทิโมธี 1:6 กล่าวว่า “บางคนหันออกจากเป้าหมายเหล่านี้ไปสู่การพูดที่ไร้สาระ” เป็นความจริงที่ว่าเรามักใช้เวลาสนทนาในเรื่องที่เราให้ความสนใจ ถ้าเราชอบฟุตบอล เราก็มักจะพูดแต่เรื่องฟุตบอล ถ้าเราสนใจเรื่องนักร้องและศิลปินคนใด เราก็มักใช้เวลาพูดถึงคนที่เราชื่นชอบอยู่เสมอ และแน่นอนว่าหากเราเริ่มใช้เวลากับการวิ่งในคุกกี้รันมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้จะเริ่มเข้ามามีอิทธิพล และครอบงำอยู่ในความคิดของเราด้วย จนกระทั่งกลายเป็นการบดบังเป้าหมายสำคัญๆ ในชีวิตของเราไปได้ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมต้องเตรียมตัวสอบเข้าเรียนในระดับปริญญาตรี ผลการเรียนของผมอยู่ในระดับปานกลาง และโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่นั้นเป็นโรงเรียนที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก นานๆ ทีจึงจะมีคนสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐได้สักคน ด้วยความสำนึกและตระหนักในความจำกัดของตัวเอง ผมจึงเริ่มตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือตามตารางเวลาอย่างมีวินัยอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต ตลอดระยะเวลาหลายเดือนมีเพื่อนหลายคนพยายามชักชวนผมไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปเล่นฟุตบอล โดยบอกว่าอ่านมากๆ ก็เครียด ต้องพักผ่อนสมองเสียบ้าง ผมต้องตัดใจไม่รับคำชวนจนเพื่อนๆ พากันยิ้มเยาะว่า “มันคงคิดว่ามันจะสอบติดจริงๆ ละมั้ง” เป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่มีใครเชื่อ ครูก็ไม่เชื่อ เพื่อนก็ไม่เชื่อ ขอบคุณพระเจ้าที่เวลานั้นผมยังเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองเลือก ผลสุดท้ายผมได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐตามที่ตั้งใจไว้ได้จริงๆ ในขณะที่คนที่มีผลการเรียนดีกว่าผมมากมายไม่ได้รับ นั่นไม่ใช่เพราะผมเก่งกว่า แต่เป็นเพราะผมเลือกในสิ่งที่เป็นแก่นเป็นสาระของชีวิตมากกว่าเพื่อนก็เท่านั้น ชีวิตของเรานั้นสั้นมาก สั้นจนเราไม่สามารถทำทุกอย่างที่อยากทำได้ครบทั้งหมด ชีวิตจึงเป็นสิ่งที่ต้องเลือกและตัดสินใจอยู่ตลอดเวลา ท่านผู้อ่านปรารถนาจะเลือกอะไร ท่านก็จะพูดถึงสิ่งนั้น และมันจะกลายเป็นชีวิตของเราในไม่ช้า

คุกกี้รันเป็นเกม และเกมก็เป็นสิ่งที่คนเล่นเพื่อความสนุกสนาน ผมหวังว่าเราจะไม่ยกระดับคุณค่าของเกมให้มาแทนที่สิ่งสำคัญๆ ในชีวิตของเรา วันหนึ่งก็จะมีสิ่งที่น่าดึงดูดกว่า น่าสนุกกว่ามาทดแทนเกมคุกกี้รัน ความสำเร็จที่เราเคยมีในเกม จะไม่เหลือความทรงจำให้ใครยกย่องสรรเสริญ หรือเชิดชูเป็นแบบอย่าง แต่ชีวิตจริงของเราต่างหากที่เป็นสิ่งที่เราไม่ควรล้อเล่น เรามีเวลาจำกัด และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราควรทำเพื่อเป็นมรดกที่ถาวรฝากไว้ยังชนรุ่นหลังต่อไป เงยหน้าขึ้นมาจากจอภาพสักพักแล้วท่านจะเห็นว่าโลกแห่งความจริงสวยงาม ชัดเจนยิ่งกว่าจอ Full HD จากสมาร์ทโฟนของท่านเสียอีก ขอพระเจ้าอวยพรครับ

  • อ.วิทยา วุฒิไกรเกรียง