สำเร็จจากความล้มเหลว 2/10

สำเร็จจากความล้มเหลว สมมุติถ้ามีใครมาถามว่า “อะไรจะช่วยคุณได้ดีที่สุด เมื่อคุณต้องติดอยู่บนเกาะร้างคนเดียว?” ถ้ายังนึกคำตอบที่พอใจไม่ออก ผมอยากเสนอคำตอบให้ว่า “ทัศนคติที่ดี” ไงล่ะ (คงมีหลายคนเริ่มหัวเราะเยาะผมในใจแล้วสิ) เชื่อสิครับว่าต่อให้เรามีเรืออันทันสมัย หรือเครื่องบินที่บินเร็วกว่าเสียง แต่ไม่มีทัศนคติที่ดีสิ่งเหล่านั้นก็อาจนำให้เราหลุดพ้นจากเกาะร้าง แต่ไปเจอปัญหาที่แย่ยิ่งกว่าได้ ทัศนคติที่ดีอาจไม่ประกันว่าคุณจะออกจากเกาะร้างได้ในทันทีก็จริง แต่รับประกันได้ว่าคุณจะไม่รู้สึกแย่จนถอดใจไปก่อนอย่างแน่นอน แต่ถ้ายังรู้สึกค้านในใจ ก็ลองอ่านจนจบสิครับ ไม่แน่ว่าผมอาจทำให้คุณเชื่อเช่นนั้นจริงๆ ก็เป็นได้ เมื่อคนเราอายุมากขึ้นและเหลียวกลับไปมองอดีต หลายคนจะนึกขอบคุณความผิดหวังและล้มเหลวมากมายที่เคยเกิดขึ้น เหมือนที่เราเคยได้ยินคนพูดบ่อยๆ ว่า “สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ” ผมเป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ตรง จำได้ว่าเกือบสิบปีที่แล้วผมได้รับมอบหมายงานที่ทุกคนรู้สึกเหมือนเป็น “เผือกร้อน” นั่นคือการเป็นวิทยากรในงานสัมมนา ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมยอมตอบตกลงรับเผือกร้อนชิ้นนี้มาเพราะแท้ที่จริงแล้วผม ไม่เคยทำสิ่งนี้มาก่อนเลย ผลปรากฏว่าการสัมมนาครั้งนั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ผมไม่สามารถควบคุมการบรรยายได้ และเกิดการถกเถียงกันระหว่างผู้เข้าร่วมการสัมมนาเป็นวงกว้าง เรื่องนี้ทำให้ผมถึงกับนอนไม่หลับอยู่หลายวัน ไม่กี่เดือนต่อมาผมได้รับเชิญให้ไปบรรยายในโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่ง แทนวิทยากรคนหนึ่งซึ่งติดธุระด่วน ครั้งนั้นมีผู้เข้าฟังมากกว่าการสัมมนาครั้งแรกของผมถึง 50 เท่า ผมถามตัวเองหลายครั้งว่าผมควรทำอย่างไรดี จนในที่สุดมี ข้อพระคัมภีร์ข้อหนึ่งปรากฏให้ผมเห็นหลายครั้งว่า “…ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเราได้?”(โรม 8 ข้อ 31) ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าผมตีความข้อพระคัมภีร์นี้เข้าข้างตัวเองไปหรือไม่ แต่พระเจ้าก็ช่วยให้ผมสามารถตอบตกลงรับงานนี้โดยไม่ลังเลอีก สุดท้ายการสัมมนาประสบความสำเร็จอย่างมาก มีครูอาจารย์และนักเรียนเข้ามาพูดคุยซักถามกับผมนานนับชั่วโมง ทำให้ผมกลายเป็นวิทยากรประจำของโรงเรียนนั้นมาตลอดสิบปีที่ผ่านมา ทุกวันนี้หลายคนจึงจำไม่ได้แล้วว่าผมเคยเป็นวิทยากรที่แสนจะอ่อนหัดมาก่อน วิกฤติการณ์ครั้งนี้จึงกลับกลายเป็นโอกาสทองในชีวิตของผมอย่างแท้จริง  ทุกวันนี้งานวิทยากรเป็นงานหนึ่งที่ผมทำได้อย่างมั่นใจถามว่าผมเก่งกว่าคน […]

ไปให้ไกล กว่าเดิม 1/10

ไปให้ไกล กว่าเดิม ตอนที่ผมอายุสักห้าหกขวบ ผมไม่กล้าที่จะเดินออกจากบ้านโดยไม่มีพ่อแม่ เพราะกลัวว่าหมาสีดำตัวโตของบ้านใกล้ๆ กันจะกัดเอา หลังจากอายุครบ 11 ปี ผมออกไปเล่นแถวบ้านโดยไม่กังวลอะไรอีก แม้ว่าจะเห็นหมาตัวเดิมผมก็ไม่รู้สึกกลัวเท่าเดิม จนวันหนึ่งผมถูกหมาตัวนี้กัดเข้าเต็มเหนี่ยวที่ขาซ้าย ผมในวัยเด็กสู้กับหมาตัวนี้สุดแรงเกิด สุดท้ายมันก็ยอมปล่อยคมเขี้ยวของมัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะมันแก่หรือหนังผมเหนียวมันจึงกัดผมไม่เข้า ทิ้งไว้เพียงรอยบุ๋มลึกๆ แต่ในใจของผมร้องไชโยเสียงดังพร้อมกับบอกกับตัวเองว่า “หมาไม่เห็นจะน่ากลัวเลย” ความที่ผมไม่กลัวหมาตั้งแต่เล็กๆ ทำให้ผมกล้าจะไปเล่นไกลๆ กว่าเด็กคนอื่น (แต่พ่อแม่ผมคงไม่ค่อยชอบนักหรอก) สุดท้ายหมากับผมก็กลายเป็นเหมือนเพื่อนกัน แม้จะมีผู้ใหญ่เอาหมาตัวโตมาขู่เด็กๆ อย่างผม ผมก็ไม่รู้สึกกลัวสักนิด ผมมีโอกาสทำงานด้านการให้คำปรึกษามากว่า 10 ปี และมีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยกับนักเรียนจำนวนมาก เมื่อทุกคนเล่าปัญหาของเขาให้ผมฟัง ผมมักจะนึกถึงข้อพระคัมภีร์ สุภาษิต บทที่ 17 ข้อ 22 ว่า “ใจร่าเริงเป็นยาอย่างดี แต่จิตใจที่หมดมานะทำให้กระดูกแห้ง” นั่นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมาจากความเชื่อภายในจิตใจ วัยรุ่นหลายคนต้องเผชิญกับปัญหาการแยกทางกันของพ่อแม่ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีปัญหา หลายคนเคยต้องอยู่อย่างลำบาก และไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่กลายเป็นโจรผู้ร้าย ก่อนอื่นเราต้องยอมรับว่าปัญหาก็คือปัญหา เราจะแสร้งทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้เลย แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะจมกับปัญหาไปเรื่อยๆ หรือเลือกจะหลุดจากวังวนของปัญหา ผมในวัยเด็กคงไม่สามารถออกจากบ้านได้ ถ้าผมเอาแต่คิดว่าหมาดำตัวนั้นจะฆ่าเด็กอย่างผม และแม้สุดท้ายจะโดนหมากัดเข้าจริงๆ มันก็ไม่สามารถฆ่าผมได้ อย่างมากก็แค่เจ็บ […]

โนอาห์ปล่อยนกเขา… หรือนกพิราบกันแน่? 1/10

โนอาห์ปล่อยนกเขา… หรือนกพิราบกันแน่? ถาม : ทำไม อ่านพระคัมภีร์ฉบับสองภาษาคือ พระคัมภีร์ไทยฉบับ 1971กับ พระคัมภีร์อังกฤษฉบับ Good News Translation หรือ ฉบับ Today’s English Version เมื่ออ่านพระคัมภีร์เปรียบเทียบกันระหว่างภาษาไทยกับภาษา อังกฤษท่านผู้อ่านได้สังเกตเห็นความแตกต่างบางอย่างแล้วสงสัยว่าทำไมจึงแตก ต่าง? แล้วพระคัมภีร์ฉบับใดเชื่อถือได้? 1. ก่อนจะ เข้าสู่คำถามที่เจาะจง ก็อยากจะปูพื้นฐานให้ผู้อ่านเข้าใจก่อนว่า พระคัมภีร์ไทยมิได้แปลมาจากพระคัมภีร์อังกฤษ ดังนั้นจะคาดหวังว่าต้องแปลเหมือนกันนั้นย่อมไม่ได้ เพราะพระคัมภีร์ไทยแปลมาจากภาษาเดิมคือภาษาฮีบรู ภาษาอารเมค และภาษากรีก โดยมีการเปรียบเทียบคำแปลกับพระคัมภีร์อังกฤษที่เป็นมาตรฐาน อาทิ American Standard Version, Revised Standard Version เป็นต้น 2. หลักการแปลของพระคัมภีร์ไทย ก็คือการแปลที่รักษารูปแบบ (Form Base) คือพยายามรักษาคำต่างๆ และรูปแบบการจัดเรียงประโยคให้ใกล้เคียงกับภาษาเดิมมากที่สุดเท่าที่ทำได้ และหากจำเป็นในบางที่ก็ต้องแปลเอาความหมายเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจอย่างถูก ต้อง ส่วนหลักการแปลของพระคัมภีร์อังกฤษฉบับ Good News Translation นั้น คือ การแปลเอาความหมายเป็นหลัก […]

พระเจ้าแพทย์ผู้ประเสริฐของฉัน 1/10

พระเจ้าแพทย์ผู้ประเสริฐของฉัน ดิฉันนางสาวกันยารัตน์ เทียมทัน ปัจจุบันอายุ 32 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฎภูเก็ต จบปริญญาโทจากโรงเรียนคริสตศาสนศาสตร์แบ๊บติสต์ ปัจจุบันทำงานเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเต็มเวลาที่คริสตจักรคริสเตียนสถานภูเก็ต ดิฉันอยากจะถ่ายทอดคำพยานชีวิตที่มีประสบการณ์กับพระเจ้า ทั้งความรัก การดูแลของพระองค์ผ่านทางผู้คนมากมาย เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระเจ้า… ผู้เป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ ในชีวิตของฉัน รู้จักพระเจ้า เมื่อตอนสมัยที่ฉันเรียนอยู่ ปวช. ปี 1 เพื่อนได้ชวนไปร่วมนมัสการที่โบสถ์ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเขาไปทำอะไรกัน จึงไปโบสถ์กับเขา เมื่อไปครั้งแรกรู้สึกประทับใจในการต้อนรับอันแสนอบอุ่นของพี่น้องในคริสตจักรคริสเตียนสถานภูเก็ต ฉันจึงได้เข้าร่วมกลุ่มอนุชนทุกวันเสาร์เสมอ วันหนึ่ง เมื่อกลับจากโบสถ์ในวันเสาร์ พระคำของพระเจ้าทำงานในจิตใจของฉันอย่างมาก ฉันต้องการที่จะสารภาพบาปกับพระเจ้า จึงปิดประตูห้องและร้องไห้สารภาพบาปกับพระองค์ และฉันบอกกับพระเจ้าว่า “ต่อไปนี้ฉันจะมีพระเจ้าแต่เพียงองค์เดียวขอพระองค์เป็นเจ้าชีวิตของฉัน” เมื่อฉันสารภาพบาปกับพระเจ้าแล้ว ฉันได้สัมผัสว่าฉันมีสันติสุขจากพระเจ้า ทำให้รู้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตของฉันแล้ว เมื่อก่อนฉันเป็นคนใจร้อน เอาแต่ใจตัวเอง ดื้อเงียบ แต่หลังจากเชื่อพระเจ้าแล้วก็กลายเป็นคนใจเย็นไม่เอาแต่ใจตัวเอง มีเหตุผล และเชื่อฟังมากขึ้น เมื่อจบปวส.ปีที่ 2 ในเวลานั้นฉันจึงได้เข้าศึกษาต่อในสถาบันราชภัฎภูเก็ต ฉันเรียน ทำงาน พร้อมทั้งรับใช้พระเจ้าไปด้วย งานที่ทำคือการขายประกันชีวิต เป็นงานที่ท้าทายความสามารถมาก แต่ขอบคุณพระเจ้าสำหรับอาชีพนี้ทำให้ฉันได้ฝึกความอดทน เรียนรู้จักการให้ รักในการบริการและดูแลลูกค้าดุจญาติมิตร ทำงานอาชีพนี้อยู่ประมาณ 5 ปี เมื่อเรียนจบแล้วก็ยังคงทำงานต่อจนมีลูกค้าประมาณ 200 […]

วิวัฒนาการของการแปลพระคัมภีร์ไทย 4/09

วิวัฒนาการของการแปลพระคัมภีร์ไทย ยุคแรกเกี่ยวกับความเป็นมาของพระคัมภีร์ไทยอาจเรียกว่ายุคก่อนที่จะมีการแปลพระคัมภีร์ในเมืองไทย ความจริงศาสนาคริสต์เข้ามาเมืองไทยเป็นครั้งแรกนั้น ผู้ที่นำเข้ามาคือ บาทหลวงคาทอลิก ซึ่งเข้ามาเผยแผ่ศาสนาเมื่อประมาณปี ค.ศ.1662 ในสมัยของพระนารายณ์มหาราช โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่อยุธยา มีการแปลคำสอนหลายๆ อย่างเป็นภาษาไทย แต่ไม่ปรากฏว่ามีการแปลพระคัมภีร์ แต่มีการรวบรวมประวัติของพระเยซู โดยสรุปจากพระกิตติคุณทั้งสี่เล่มมาเขียนเป็นหนังสือชื่อว่า “พระพุทธเยซู” หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มเดียวที่มีต้นฉบับหลงเหลืออยู่ การแปลพระคัมภีร์ไทยครั้งแรกไม่ได้เกิดขึ้นที่เมืองไทย แต่เกิดขึ้นที่ประเทศพม่าในต้นศตวรรษที่ 19 โดยคุณแอนนา จัดสัน ภรรยา ของอโดนิราม จัดสัน มิชชันนารีคณะอเมริกันแบ๊พติสต์ ได้พบว่ามีคนไทย ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยศึกอยู่ในประเทศพม่า คุณแอนนามีภาระใจอยากจะแปลคำสอนและแปลพระคัมภีร์ภาษาไทย อย่างไรก็ตามสิ่งที่คุณแอนนาทำไม่มีหลักฐานหลงเหลืออยู่เลย ที่เรารู้ได้ก็เพราะมีจดหมายโต้ตอบที่คุณแอนนาเขียนไปถึงเพื่อนคนหนึ่งว่าท่านได้แปลบทเรียนเพื่อผู้เชื่อใหม่และพระธรรมมัทธิวเป็นภาษาไทยเสร็จเรียบร้อย โดยการช่วยเหลือของครูสอนภาษาไทย ดูเหมือนจะมีการส่งไปพิมพ์ที่โรงพิมพ์ของคณะแบ๊พติสต์ที่เมืองกัลกาตา ประเทศ อินเดีย ใน ปี ค.ศ.1819 นอกจากนี้หลักฐานอีกชิ้นหนึ่งก็คือจดหมายของศจ.เบอร์นที่กล่าวถึงการทำตัวพิมพ์ไทยและการสั่งซื้อมาใช้ในประเทศสิงคโปร์ ศตวรรษที่ 19 ยุคแห่งการแปลพระคัมภีร์  ภาคพันธสัญญาใหม่ การแปลพระคัมภีร์ไทยเริ่มจากนิกายโปรเตสเตนท์ โดยมิชชันนารีคู่แรกที่มาเมืองไทย คือ ดร.คาร์ล กู๊ดสลาฟ และ ศจ.จาค็อบ ทอมลิน จากสมาคมมิชชันแห่งลอนดอน ได้เข้ามาประกาศข่าวประเสริฐเป็น กลุ่มแรก โดยมาถึงเมื่อวันที่ 3 […]

ความรัก หรือ การทนทุกข์?, “ช่องพระแกลตาข่าย” หมายถึงอะไรกันแน่? 3/09

ความรัก หรือ การทนทุกข์?  ท่านถาม ฝ่ายแปลตอบ ฉบับนี้มี 2 คำถาม 2 เรื่องที่ท่านสมาชิกถามเข้ามาอย่างน่าสนใจมาก และอยากได้รับคำตอบโดยเร็ว ผู้จัดทำจึงรีบนำมาลงในคอลัมน์นี้ให้ได้อ่านพร้อมกัน 2 คำถาม ถาม ทำไม ฉบับมาตรฐาน 2002 แปลพระธรรม 2 โครินธ์ 1:5 ว่า “เพราะความรักของพระคริสต์มากท่วมท้นเราอย่างไร…” แทนที่จะแปลว่า “เพราะการทนทุกข์ที่พระคริสต์ทรงทนเพื่อเรานั้นมากท่วมท้นเราอย่างไร…” ตอบ โดย อาจารย์ ทองหล่อ วงศ์กำชัย วลี “ความรักของพระคริสต์” หรือ “การทนทุกข์ของพระคริสต์” นั้นในภาษากรีกคือ “ทา พาเทมา ทู คริสทู” ซึ่งประกอบด้วยคำหลักสองคำคือ “ทา พาเทมา” แปลว่า “การทนทุกข์” และ “ทู คริสทู” แปลว่า “ของพระคริสต์” โครงสร้างวลีแบบนี้ในทางไวยากรณ์กรีกเรียกว่า เจนนิทิพ (genitive) คือการแสดงความเป็นเจ้าของ การแสดงความเป็นเจ้าของในกรีกที่เกี่ยวข้องกับการกระทำนั้นสามารถมีความหมายได้สองแบบคือตัวเจ้าของนั้นเป็นได้ทั้งประธานคือผู้กระทำหรือเป็นกรรมคือผู้ถูกกระทำ […]

ทุกปัญหา มีทางออก ใช้ชีวิตอย่างมีสติ 3/09

ทุกปัญหา มีทางออก ใช้ชีวิตอย่างมีสติ เมื่อต้นปี 2009 มีภาพยนตร์โฆษณาชิ้นหนึ่งที่ได้รับการกล่าวขวัญจากผู้ชมเป็นจำนวนมากและได้รับรางวัลสื่อมวลชนดีเด่นประจำปี พ.ศ. 2552 ประเภทโฆษณา (Catholic Media Award 2009) เป็นเรื่องของครอบครัวหนึ่งที่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ภาพเริ่มจับที่พ่อกำลังนั่งอ่านหนังสือ พิมพ์ ขณะที่ลูกชายวัยประมาณ 5 ขวบกำลังเล่นต่อไม้รูปทรงต่างๆ อยู่บนพื้นห้อง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พ่อเดินไปรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล…ว่าไงนะ …โครงการล้ม…แล้วของที่ลงไปแล้วละ…” “หมดกัน…สร้างมากับมือ” พ่อทรุดตัวลงหัวใจสลายเพราะธุรกิจที่ทำอยู่พังพินาศไปในชั่วพริบตา ความทุกข์ที่บีบคั้น ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ลูกชายก็ยังเล็กจะอยู่ได้อย่างไร พ่อเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานเพื่อจะหยิบอาวุธหวังจบชีวิตทั้งพ่อทั้งลูก “โครม!” ตัวต่อไม้ที่ลูกชายกำลังก่อสร้างอยู่นั้นพังครืนลงมา “หมดกัน…สร้างมากับมือ” ลูกอุทานออกมาด้วยประโยคเดียวกันกับพ่อ เด็กชายคงรู้สึกว่าสิ่งที่พยายามทำมายาวนานนั้นมันพังลงมาเพียงแค่พริบตาเช่นกัน เด็กชายฟุบหน้าลงกับฝ่ามือ “ไม่เป็นไร สร้างใหม่ก็ได้…” เด็กชายเงยหน้าขึ้นด้วยแววตามุ่งมั่น คำพูดสั้นๆ ของเขา ทำให้ผู้เป็นพ่อต้องหยุดคิด “ใช่…ไม่เป็นไร สร้างใหม่ก็ได้” “ทุกปัญหามีทางออก ใช้ชีวิตอย่างมีสติ… ยาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว” เบื้องหลังโฆษณายาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว คุณสุวรรณา อัครพงศ์พิศักดิ์ ทายาทรุ่นลูกของธุรกิจเซียงเพียวอิ๊ว และผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มวัยรุ่นภายใต้แบรนด์ เปปเปอร์มินท์ฟิว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เล่าถึงสปอร์ตโฆษณาชุด […]

ความจริงของการแปลพระคัมภีร์ไทย ของสมาคมพระคริสตธรรมไทย 07

ความจริงของการแปลพระคัมภีร์ไทย ของสมาคมพระคริสตธรรมไทย มีคริสตชนหลายท่านได้สนใจไต่ถามว่า สมาคมพระคริสตธรรมไทยมีหลักการและขั้น ตอนในการแปลพระคัมภีร์อย่างไร สมาคมฯ จึง ขอใช้พื้นที่ในคริสตสายสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นกรณี พิเศษอธิบายหลักการที่สําคัญๆ ของการแปล พระคัมภีร์ไทยฉบับมาตรฐานของสมาคมพระ คริสตธรรมไทย สรุปได้ดังนี้ แปลจากสําเนาต้นฉบับภาษาฮีบรูและ กรีกโดยผู้เชี่ยวชาญ พระคริสตธรรมคัมภีร์ภาษาไทยของ สมาคมพระคริสตธรรมไทยเป็นฉบับมาตรฐาน ที่เป็นที่ยอมรับของคริสตจักรไทยและคริสตชน ไทยมาช้านาน (ตั้งแต่ฉบับ ค.ศ.1940) แต่ก็ ยังมีความเข้าใจผิดกันว่าพระคัมภีร์ไทยของ สมาคมฯ แปลมาจากฉบับภาษาอังกฤษ ใน ความเป็นจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อพระ คัมภีร์ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยนั้น คณะผู้ แปลซึ่งประกอบด้วยมิชชันนารีชาวต่างชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิคนไทยได้ยึดสําเนาพระคัมภีร์ ภาษาฮีบรูในการแปลพันธสัญญาเดิม และ สําเนาภาษากรีกในการแปลพันธสัญญาใหม่ เป็นหลัก โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทยได้ เชิญผู้แปลที่มีความรู้ภาษาฮีบรูและกรีกเป็น อย่างดี เป็นนักวิชาการพระคัมภีร์ที่มีชื่อเสียง และหากเป็นชาวต่างชาติก็ต้องมีความรู้ภาษาไทยเป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น กรรมการยก ร่างคําแปลฯ ของฉบับ 1971 ประกอบด้วย ศาสนาจารย์ศรัณย์ ชัยรัตน์ อดีตคณบดีคณะ ศาสนศาสตร์แมคกิลวารี มหาวิทยาลัยพายัพ พร้อมทั้งผู้ร่วมงานของท่านคือ ดร.เฮอร์เบิร์ต เกรเธอร์ […]

ทำไมสมาคมพระคริสตธรรมไทย ใช้ตัวอักษรไทยในการแปลพระคัมภีร์ภาษาถิ่น หรือภาษาชนเผ่าบางภาษา? 2/07

ทำไมสมาคมพระคริสตธรรมไทย ใช้ตัวอักษรไทยในการแปลพระคัมภีร์ภาษาถิ่น หรือภาษาชนเผ่าบางภาษา? ถาม มีพระคัมภีร์ภาษาถิ่นหรือภาษาชนเผ่าบางภาษาที่ใช้ตัวอักษรไทย เช่น ภาษากะเหรี่ยงโปว์ (Pwo Karen) ภาษาอูรักลาโว้ย (Urak Lawoi) ทําไมสมาคมฯ จึงใช้ตัวอักษรไทย (Thai Script) ในการสะกดเพื่อออกเสียงภาษาเหล่านี้ในพระ คัมภีร์? ตอบ ก่อนจะตอบคําถาม อยากจะให้ท่านผู้อ่านได้ทราบข้อมูลพื้นฐานเกี่ยว กับการแปลพระคัมภีร์ภาษาถิ่น (Dialects) หรือภาษาชนเผ่า (Tribal Languages) หรือบางครั้งก็เรียกว่าภาษาชนกลุ่มน้อย (Minority Languages) โดยสังเขป 1. องค์กรที่ทํางานด้านการแปลพระคัมภีร์ องค์กรคริสเตียนหลักที่มีบทบาทสําคัญในการแปลพระคัมภีร์ภาษาถิ่น มีอยู่ สององค์กรด้วยกันคือ สหสมาคมพระคริสตธรรมสากล (United Bible Societies เรียกชื่อย่อว่า UBS) เป็นองค์กรที่มีหน้าที่บริหารและกํากับดูแลสมาคมพระคริสตธรรมในประเทศและ ภูมิภาคต่างๆ ซึ่งเป็นสมาชิกอยู่ทั่วโลก (รวมทั้งสมาคมพระคริสตธรรมไทยด้วย) UBS มีหลักการว่าการจะแปลพระคัมภีร์เป็นภาษาใด จะต้องมีผู้ใช้ภาษานั้นอย่างน้อย 100,000 คน ขึ้นไป องค์การผู้แปลพระคัมภีร์วิคลิฟ (Wycliffe Bible Translators […]

อาหารของพระเจ้า อาหารของมนุษย์

อาหารของพระเจ้า อาหารของมนุษย์ อาหารของพระเจ้า VS อาหารของมนุษย์  ศาสนาจารย์ ดร. สุรเชษฐ์ อินสม หัวหน้าแผนกพันธกิจสุขภาพ สำนักงานกลาง คจ.เซเว่นธ์เดย์ แอ๊ดเวนตีส หลังจากที่ผู้เขียนได้ชมภาพยนตร์สารคดี “เปิดโปง…บริโภคช็อกโลก” (Food, Inc.) ซึ่งได้รับรางวัลเอมมี่ประเภทสารคดี ทำให้นึกถึงผลของความบาปที่มีต่อพลโลก ซาตานทำลายมนุษย์ด้วยอาหาร และยังคงใช้อาหารซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตเป็นสิ่งทำลายสุขภาพของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ตีแผ่ระบบการผลิตอาหารแบบโรงงานในสหรัฐอเมริกา เพื่อตอบสนองชีวิตเร่งรีบของอเมริกันชน โดยที่ประชาชนหารู้ไม่ว่าอาหารสำเร็จรูปที่ตัวเองตักเข้าใส่ปากแต่ละวันนั้นมีกรรมวิธีในการผลิตอย่างไรบ้างปัจจุบันประเทศนี้ผลิตอาหารจากโรงงานและบริษัทขนาดใหญ่เพียง 4-5 บริษัท จากเดิมที่ชาวไร่ชาวนาผลิตอาหารให้ผู้บริโภคได้รับอาหารสดตามธรรมชาติในท้องถิ่น ปัจจุบันบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ครอบครองธุรกิจอาหารในสหรัฐฯ เพียงไม่กี่รายเท่านั้น ควบคุมการผลิตอาหารในสหรัฐทั้งประเทศ ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์พืช การปลูกพืชเชิงเดี่ยวซึ่งต้องอาศัยสารเคมีจำนวนมาก พันธุ์สัตว์ โรงฆ่าสัตว์ โรงงานประกอบอาหารสำเร็จรูป ช่องทางการกระจายสินค้าอาหารเหล่านี้ไปตามห้างร้านซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ไปจนถึงมือผู้บริโภค นี่คือปัญหาสุขภาพของประชาชนอเมริกันต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้ ซึ่งทำลายทั้งสุขภาพและสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง คนไทยก็อย่าเพิ่งดีใจว่าเรามีอาหารที่ได้จากธรรมชาติมากกว่า เพราะปัจจุบันการผลิตอาหารกึ่งสำเร็จรูป และสำเร็จรูป มีจำหน่ายในประเทศของเราไม่ได้ต่างไปจากอเมริกา สิ่งนี้กำลังคืบคลานมาใกล้เราทุกขณะ จึงควรถามตนเองว่า อาหารสำเร็จรูปที่จำหน่ายทั่วไปปลอดภัยและเหมาะกับสุขภาพของเราหรือไม่ ต้องใส่ใจเรียนรู้มากขึ้น ขณะนี้วิถีชีวิตแบบตะวันตกกำลังนำโรคร้ายชนิดต่างๆ มาสู่คนไทย เราได้เห็นปรากฏการณ์ความเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังที่คุกคามอยู่ในขณะนี้ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน อาหารของพระเจ้า […]

1 41 42 43