คุณรู้หรือไม่
สำหรับเราในทุกวันนี้ เลขบทและเลขข้อในพระคัมภีร์ช่วยให้เราค้นหาพระคัมภีร์ตอนต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เลขบทและเลขข้อเหล่านี้มิได้มีอยู่ในต้นฉบับดั้งเดิมของพระคัมภีร์ แล้วสิ่งนี้มีความเป็นมาอย่างไร
แม้ต้นฉบับดั้งเดิมของพระคัมภีร์ไม่มีเลขบทและเลขข้อ การแบ่งตอนของเนื้อหาก็มีมาอย่างยาวนานแล้ว เช่น ในม้วนคัมภีร์ทะเลตาย (ประมาณศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ.) มีการแบ่งเนื้อหาออกเป็นย่อหน้า เพื่อช่วยให้อาลักษณ์คัดลอกเนื้อหาได้อย่างถูกต้อง และเพื่อใช้อ่านในโอกาสหรือเทศกาลต่างๆ ขณะที่การอ้างอิงพันธสัญญาเดิมของพระเยซูคริสต์และบรรดาผู้เขียนพันธสัญญาใหม่ดูจะไม่ได้อิงกับการแบ่งย่อหน้าเช่นนี้เท่าไรนัก อย่างไรก็ดี ร่องรอยของการแบ่งบทและข้อในพันธสัญญาเดิมนั้นพอจะพบได้ในหนังสือมิชนาห์ (ตำราอธิบายและแนะแนวทางการประยุกต์ใช้พระคัมภีร์ฮีบรูของบรรดารับบี ประมาณช่วงศตวรรษที่ 1 ก่อน ค.ศ. จนถึงศตวรรษที่ 3) โดยเนื้อหาตอนหนึ่งได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการอ่านและตีความหมายพระคัมภีร์ว่า ถ้าผู้ใดจะอ่านถ้อยคำของธรรมบัญญัติหรือผู้เผยพระวจนะ ก็จงให้ผู้นั้นอ่านไม่น้อยกว่าสามข้อขึ้นไป (Mishnah Megillah 4:4)
ถึงกระนั้น ดูเหมือนว่าการแบ่งบทและข้อในพันธสัญญาเดิมก็ยังไม่มีรูปแบบที่เป็นมาตรฐาน จนกระทั่งประมาณช่วงศตวรรษที่ 6 เป็นต้นไป สำเนาโบราณฉบับมาโซเรติก (สำเนาพระคัมภีร์ฮีบรูที่ถือว่ามีเนื้อหาสมบูรณ์ที่สุดและมักใช้เป็นตัวบทมูลฐานสำหรับการศึกษาและการแปลพระคัมภีร์ในปัจจุบัน) ได้มีการแบ่งบทและข้อที่ดูใกล้เคียงกับที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน (โดยส่วนใหญ่เป็นผลงานของอาลักษณ์สกุลเบน-อาเชอร์) ส่วนต้นฉบับพันธสัญญาใหม่ภาษากรีกนั้น แม้สำเนาโบราณหลายฉบับจะมีการแบ่งย่อหน้า ก็มีหลายฉบับที่ไม่ได้แบ่ง บางฉบับไม่มีกระทั่งการเว้นวรรคระหว่างคำและประโยค นอกจากนี้ สำเนาพระคัมภีร์ภาษาละตินฉบับต่างๆ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 เป็นต้นมาจนถึงยุคกลางก็มีการแบ่งบทและข้อที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น สำเนาพระกิตติคุณยอห์นภาษาละตินฉบับหนึ่งมีการแบ่งเนื้อหาออกเป็น 13 บท ในขณะที่อีกฉบับหนึ่งแบ่งเป็น 68 บท เป็นต้น
จนกระทั่งในศตวรรษที่ 13 กระบวนการแบ่งบทและข้อพระคัมภีร์อย่างที่ใช้ในปัจจุบันจึงเริ่มต้นขึ้น โดยมีบุคคลสำคัญสองคน คือ สตีเฟน แลงตัน (Stephen Langton) กับ โรแบร์ เอสเตียน (Robert Estienne)
ในช่วง ค.ศ. 1180-1206 ขณะที่แลงตันสอนพระคัมภีร์อยู่ในมหาวิทยาลัยปารีส ท่านสังเกตเห็นว่าพระคัมภีร์ที่อาจารย์และนักศึกษาแต่ละคนใช้นั้นมักมีการแบ่งบทและข้อไม่เหมือนกัน (ตามเนื้อหาละตินเก่าฉบับต่างๆ) ทำให้เป็นอุปสรรคในการเรียนการสอนอยู่บ่อยๆ ท่านจึงคิดที่จะจัดพิมพ์พระคัมภีร์ที่มีการแบ่งบทและข้ออย่างเป็นมาตรฐาน เพื่อให้ทุกคนสามารถศึกษาเปรียบเทียบเนื้อหาพระคัมภีร์แต่ละฉบับได้อย่างสะดวกและแม่นยำ สิ่งนี้สำเร็จเป็นจริงเมื่อจัดพิมพ์ Paris Bible ในปี ค.ศ. 1250 ซึ่งมีการแบ่งบทที่เหมือนกับพระคัมภีร์ของเราในปัจจุบัน
ส่วนการแบ่งข้อพระคัมภีร์ที่เป็นมาตรฐานอาจกล่าวโดยคร่าวได้ว่าเป็นผลงานของเอสเตียน ซึ่งท่านได้รับช่วงต่องานนี้มาจากบิดาของท่าน อองรี เอสเตียน (Henri Estienne) จนเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1551 ที่เมืองเจนีวา โดยท่านได้จัดพิมพ์พระคัมภีร์ภาษากรีกและละตินที่มีการแบ่งข้อเหมือนอย่างในปัจจุบัน ตามด้วยพระคัมภีร์ภาษาฝรั่งเศสในปีถัดมา และในที่สุดก็จัดพิมพ์ Geneva Bible ในปี ค.ศ. 1560 ซึ่งถือเป็นพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษฉบับแรกที่มีการแบ่งบทและข้ออย่างเป็นมาตรฐานที่ใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้
กิจกรรมTBS
เตรียมพบกับการแข่งขันคัดลอกพระคัมภีร์ อาลักษณ์จิ๋ว และอาลักษณ์ผู้ใหญ่ ระดับประเทศปี 2025 ครั้งที่ 6 กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ท่านร่วมรับพระพรในการซึมซับพระวจนะพระเจ้าผ่านการคัดลอกพระคัมภีร์และสร้างสรรค์ผลงานของท่าน โดยใช้พระธรรมปฐมกาล 1-9 (ฉบับมาตรฐาน)
เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 31 มีนาคม 2025 ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.thai.bible
สนุกกับพระคัมภีร์
แนะนำสินค้า
พันธกิจ TBS
พันธกิจการแปลพระคัมภีร์ภาษามือไทย
สมาคมพระคริสตธรรมไทยมีนิมิตที่จะเห็นข่าวประเสริฐของพระเจ้าถูกเผยแพร่ไปถึงคนไทยที่ยังไม่รู้จักพระองค์ในทุกกลุ่มรวมทั้งคนหูหนวก โครงการแปลพระคัมภีร์เป็นภาษามือไทยจึงเริ่มขึ้นในปี 2007 โดยแปลพระธรรมมาระโกเป็นเล่มแรก ตามด้วยนางรูธ โยนาห์ กิจการของอัครทูต และเอสเธอร์ ปัจจุบันกำลังแปลพระธรรมปฐมกาล และได้เผยแพร่ผ่านทางยูทูบ ใคร่ขอเชิญชวนท่านสนับสนุนพันธกิจนี้ผ่านทางคำอธิษฐานหรือทุนทรัพย์ จนกว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์จะถูกแปลเป็นภาษามือไทยครบทั้งเล่ม
ท่านสามารถถวายเพื่อโครงการนี้ได้ผ่าน ธนาคารทหารไทยธนชาติ ชื่อบัญชี สมาคมพระคริสตธรรมไทย เลขที่บัญชี 193-2-41653-8