ประเทศซีเรีย

แอนเดรีย เล่าถึงชีวิตท่ามกลางเสียงระเบิดทั้งวันและคืนว่า ไม่มีการเตือนหรือเสียงไซเรนที่เตือนให้ผู้คนหาที่หลบภัย “คุณจะตายก่อนได้ยินเสียงระเบิดด้วยซ้ำ” เขากล่าว “เราดำเนินชีวิตโดยตระหนักว่าอาจถูกโจมตีที่บ้าน ที่ทำงานหรือที่โบสถ์ เราทำอะไรไม่ได้ และไม่มีที่ที่จะไป ทุกอย่างอยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้า ทุกวันที่มีชีวิตคือของขวัญจากพระเจ้า ผู้คนพยายามจะใช้ชีวิตปกติ ไปทำงาน ไปนมัสการ แม้คริสตจักรหลายแห่งในเมืองจะเสียหาย หรือถูกทำลายไปแล้ว”

“พระเจ้าประทานความหวังแก่เรามาตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มขึ้น และสมาคมพระคริสตธรรมก็ยังคงรับใช้ทุกคน ทุกคริสตจักร ไม่ว่าจะนิกายใด”

ในช่วงสงคราม สมาคมพระคริสตธรรมได้นำเข้าพระคัมภีร์และหนังสือคริสเตียน 30-40 ตัน ต่อปี ส่วนใหญ่มาทางเลบานอน เพราะไม่สามารถส่งเข้าซีเรียโดยตรง

“ความต้องการพระคัมภีร์ทะยานขึ้นสูงมาก พระคัมภีร์สำหรับเด็กเป็นที่นิยม ผู้คนรู้สึกว่า มีเพียงพระคัมภีร์ที่สามารถให้คำตอบในช่วงเวลายากลำบาก และมีเพียงพระเจ้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขา สำหรับสมาคมพระคริสตธรรม นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีในการเป็นพยานและส่งต่อความหวังให้แก่ผู้คนผ่านพระวจนะของพระเจ้า”

“เราจะทำอะไรได้? ชีวิตนั้นยากลำบากและอันตราย เราทำได้เพียงพึ่งพาพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นคำตอบของทุกสิ่ง ในขณะเดียวกัน เราต้องย้ำเตือนตัวเองว่า เราต้องไม่สูญเสียความเชื่อมั่นและความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ทำให้พระองค์ทรงส่งพระเยซูมาสิ้นพระชนม์บนกางเขนเพื่อเราทุกคน ถ้ามนุษย์สำคัญต่อพระเจ้าขนาดนี้ ก็จะต้องสำคัญต่อเราด้วยเช่นกัน”

“นี่คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้ผ่านความขัดแย้ง และเรากำลังร้องทูลต่อพระเจ้าแทนผู้คนแต่ละคนในประเทศของเรา ทุกคนสำคัญในสายพระเนตรพระเจ้า! โปรดอธิษฐานเผื่อเราต่อไป นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณจะทำเพื่อเราได้”

บอกต่อเรื่องราวของพวกเขา อธิษฐานเผื่อ และสนับสนุนด้วยการถวายทรัพย์ โดยระบุวัตถุประสงค์การถวายว่า เพื่อ “สมาคมพระคริสตธรรมในประเทศที่ถูกข่มเหง”