จงเตรียมมรรคาของพระยาห์เวห์ในถิ่นทุรกันดาร
อิสยาห์ 40:3 มีความหมายอย่างไร
“จงเตรียมมรรคาของพระยาห์เวห์ในถิ่นทุรกันดาร” ถ้อยคำแห่งความหวังนี้ปรากฏใน อิสยาห์ 40:3 ยิ่งไปกว่านั้น ยังถูกอ้างถึงในพระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม ถ้อยคำนี้มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับเราในปัจจุบันอย่างไร
ในช่วงเวลาที่ชาวยูดาห์ถูกเนรเทศไปเป็นเชลยยังบาบิโลน ผู้เขียนได้กล่าวถ้อยคำชูใจนี้เพื่อปลอบโยนประชากรของพระเจ้า และยืนยันว่าพระองค์จะทรงนำพวกเขากลับมาสู่เยรูซาเล็มอีกครั้ง
คำว่า “ถิ่นทุรกันดาร” อาจหมายถึงทะเลทรายหรือพื้นที่รกร้าง โดยทั่วไปมักเป็นพื้นที่ห่างไกลไร้ผู้คน เป็นสถานที่เงียบสงบ ในเชิงสัญลักษณ์อาจใช้หมายถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากหรือสภาวะที่ขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า เช่น ความทุกข์ยากจากการถูกเนรเทศ
สำหรับผู้อ่านดั้งเดิมของพระธรรมตอนนี้ เมื่อรวม “มรรคาของพระยาห์เวห์” เข้ากับ “ถิ่นทุรกันดาร” จะเล็งถึงการอพยพครั้งใหม่ (New Exodus) ซึ่งหมายถึงหนทางที่พระเจ้าจะเสด็จมาเพื่อช่วยกู้และนำประชากรของพระองค์กลับจากการเป็นเชลยที่บาบิโลน คล้ายกับเหตุการณ์อพยพในสมัยของโมเสสที่พระองค์ทรงช่วยกู้ชนชาติอิสราเอลออกจากการเป็นทาสในอียิปต์
ดังนั้น “จงเตรียมมรรคา” จึงเป็นการเรียกร้องให้ประชาชนเตรียมใจ เตรียมชีวิต และเตรียมสังคมให้พร้อมรับการเสด็จมาของพระเจ้า นี่ไม่ใช่เพียงการเดินทางกลับถิ่นฐานทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฟื้นฟูจิตวิญญาณและความสัมพันธ์กับพระเจ้าด้วย โดยพระองค์จะทรงเป็นผู้เปิดทางผ่านความทุกข์ยาก ความแห้งแล้ง และอุปสรรคต่างๆ
ข้อความนี้ถูกยกมาอ้างในพระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม (มัทธิว 3:3; มาระโก 1:3; ลูกา 3:4; ยอห์น 1:23) เพื่อชี้ให้เห็นถึงบทบาทของยอห์นผู้ให้บัพติศมาในฐานะ “เสียง” ที่ร้องประกาศให้ผู้ฟังเตรียมหนทางเพื่อต้อนรับการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ ยอห์นเรียกร้องให้ประชาชนกลับใจใหม่และรับบัพติศมา ซึ่งเป็นการเตรียมใจของพวกเขาให้พร้อมรับการช่วยให้รอด สิ่งที่น่าสังเกตคือ ในพันธสัญญาใหม่นั้น หนทางที่ถูกเตรียมไว้ไม่ใช่สำหรับประชาชนที่จะใช้ไปหาพระเจ้า แต่เป็นหนทางที่พระเจ้าจะเสด็จมาเยี่ยมเยียนประชากรของพระองค์ นั่นคือพระเยซูคริสต์ผู้เสด็จมาในโลกนี้
คำว่า “เมสสิยาห์” ซึ่งมาจากภาษาฮีบรู หรือ “คริสต์” ซึ่งมาจากภาษากรีก แปลว่า “ผู้ที่ได้รับการเจิม” (ยอห์น 1:41; 4:25) เพื่อปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า อันได้แก่ ปุโรหิต กษัตริย์ และผู้เผยพระวจนะในพันธสัญญาเดิม (1 พงศ์กษัตริย์ 19:15-16; สดุดี 2:2; ดาเนียล 9:25) โดยพระเยซูทรงถูกเรียกว่าเป็นพระเมสสิยาห์และพระคริสต์ เป็นผู้ที่ได้รับการเจิมให้ทำพระราชกิจของพระบิดา พระองค์ทรงปรากฏกับยอห์นผู้ให้บัพติศมา และทรงได้รับบัพติศมาจากท่าน และท่านก็เห็นและเป็นพยานว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า (ยอห์น 1:34)
คริสเตียนในยุคปัจจุบันก็มีบทบาทคล้ายคลึงกับยอห์น คือ เป็น “เสียง” ที่ประกาศเรื่องราวของพระเจ้าแก่คนรอบข้างและชี้หนทางไปสู่ความรอด นั่นคือพระเยซูคริสต์ผู้ทรง “เป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต” (ยอห์น 14:6) เพื่อให้ผู้คนทั้งหลายสามารถกลับมาสู่ความสัมพันธ์กับพระเจ้า
สรุปแล้ว ถ้อยคำที่ว่า “จงเตรียมมรรคาของพระยาห์เวห์ในถิ่นทุรกันดาร” จึงเป็นการเชื้อเชิญให้ประชากรของพระเจ้าเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเสด็จมาของพระองค์ ทั้งในบริบทของการ กลับจากการเป็นเชลยในพันธสัญญาเดิม และในการประยุกต์ใช้สำหรับการประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ในพันธสัญญาใหม่
- ภาพจาก www.ruralministry.org