ระบบที่กระชับ คือประสิทธิภาพที่แท้จริง 4/10

ระบบที่กระชับ คือประสิทธิภาพที่แท้จริง

คนสมัยนี้อยู่ทำงานกันค่ำกว่าเดิม
คนทำงานสมัยนี้อยู่ในที่ทำงานกันนานกว่าเดิม เช่น เลิกงานห้าโมงเย็น แต่ออกจากที่ทำงานกันประมาณทุ่มสองทุ่ม บางคนบอกว่า อยู่คุยกับเพื่อนสนุกๆ ถือเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ เพราะตอนเวลางานต่างคนก็ต่างทำงานของตนไป บางคนบอกว่าไม่มีภาระอะไรทางบ้าน ก็ใช้เวลาอยู่ทำโน่นทำนี่ไปเพลินๆ ก็สบายใจดี ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปไหน ถือเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง บางคนรู้สึกเหมือนโต๊ะทำงานเป็นบ้านของตนเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ทำให้ตน รู้สึกว่าเป็นผู้ครอบครองและเป็นเจ้าของ จึงรู้สึกมีอิสระอย่างเต็มหัวใจเมื่อได้นั่งที่โต๊ะทำงานของตน นั่นเป็นความอบอุ่นใจอย่างหนึ่งของคนทำงานคนอยู่ในที่ทำงานจนค่ำบางส่วนก็ อยู่เพื่อพักผ่อน ที่น่าเห็นใจก็คือ มีคนมากมายหลายสิบเปอร์เซ็นต์ที่อยู่ทำงานค่ำๆ ทั้งๆ ที่มีครอบครัวที่รออยู่ และมีความอบอุ่นในครอบครัวที่ตนอยากสร้างให้คนที่ตนรักหลายคนแต่รู้สึกว่าตนทำไม่ได้เพราะเรื่องงานนั้นสำคัญกับความเป็นอยู่ของทุกคนในครอบครัวคนทำงานบางส่วนจึงปลอบใจตนเองว่า ถ้าทำงานได้สำเร็จก็จะส่งผลดีไปถึงครอบครัวนั่นเอง หลายเดือนที่ผ่านมา ดิฉันได้พบผู้คนที่ทำงานหนักชีวิตการงานก้าวหน้าและเจริญรุ่งเรืองอย่างดี คิดดูแล้วเขาน่าจะมีความสุขกันอย่างมาก แต่ผู้คนที่ทำงานเจริญรุ่งเรืองในงานเหล่านี้มักหน้านิ่วคิ้วขมวด พอถามไถ่ถึงเรื่องงานว่าเป็นอย่างไรบ้าง เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปจะหน้าเครียดขึ้นมาโดยอัติโนมัติ และพูดว่างานเยอะมาก ทำไม่ทัน ดิฉันจึงถามว่าแล้วแก้ปัญหากันอย่างไร ได้คำตอบว่า ต้องอยู่เคลียร์งานตอนค่ำ จะกลับบ้านก็ประมาณหนึ่งทุ่มถึงสี่มุม พอถึงบ้านก็ไม่เจอใคร เพราะเขาหลับกันหมดแล้ว และที่น่าสนใจขึ้นไปอีกคือ ข้าราชการในหลายส่วนงาน ตอนนี้ต้องทำงานกันค่ำๆ เพราะทำงานไม่ทันเช่นกัน การทำงานไม่ทันจึงดูจะเป็นปัญหาที่คนทำงานในโลกสมัยใหม่ประสบกันมากอันดับต้นๆ

ทำไมคนทำงานกันไม่ทัน
ตอนนี้เรากำลังพูดถึงเวลาการทำงานของคนโดยส่วนใหญ่ คือ เริ่มตั้งแต่ 08.30 น.- 17.00 น. จากประสบการณ์ที่ได้พบผู้คนใหม่ๆ มากมายจากหลากหลายวงการเสมอๆ ดิฉันพบว่าสาเหตุที่ผู้คนต้องอยู่ทำงานกันหลังเวลาเลิกงานเพราะ

  1. ต้องเข้าประชุมมากจนไม่มีเวลาเคลียร์งานของตน คนที่พบปัญหานี้อธิบายให้ฟังว่า งานของตนเป็นงานที่ต้องปรึกษาหารือกันในการวางแผนกันเฉพาะคนในฝ่ายเดียวกัน และหารือร่วมกันกับผู้เกี่ยวข้องจากฝ่ายต่างๆ ในการประชุมแต่ละวันนั้น บางครั้งเราก็เป็นเจ้าภาพเชิญคนมาประชุมในเรื่องของเราและหลายครั้งเราก็เป็นผู้ได้รับเชิญให้เข้าประชุมเพื่อช่วยให้งานนั้นสำเร็จ แต่ประเด็นสำคัญคือ มีรายการที่ต้องเข้าประชุมหลายรายการ คนทำงานบอกว่าตอนช่วงเวลางานจึงไม่มีเวลาทำงานประจำที่ตนรับผิดชอบอยู่ จึงต้องเคลียร์งานหลังจากไม่มีการประชุมแล้ว ซึ่งก็คือตอนเย็นและตอนค่ำ
  2. ประชุมแต่ละครั้งใช้เวลานานมากประเด็น นี้เป็นประเด็นคลาสสิคที่เกิดขึ้นในทุกบริษัท ทุกองค์กร และก็เป็นประเด็นที่น่าเห็นใจไปเสียทุกฝ่ายและทุกประการ เราเข้าใจได้ง่ายๆ ว่าทำไมประชุมแต่ละครั้งต้องใช้เวลานาน เหตุผลที่เรามองเห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันคือ เพราะคนไม่เหมือนกัน คนหลายคนก็คิดกันหลายแบบ เราอยากได้ความคิดของคนก็ต้องฟังความคิดหลายแบบ พอคนหนึ่งคิดแบบหนึ่ง อีกคนหนึ่งคิดอีกแบบหนึ่งคนในที่ประชุมจึงต้องถกกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกัน
    ที่คนประชุมกันนานๆ ก็เพราะมีคนเห็นด้วยกับไม่เห็นด้วยอยู่เสมอ เวลามีคนเห็นด้วย การพูดก็ไม่ยาวเท่าไร แต่ความเคยชินทำให้คนถนัดมองเห็น 5% ที่เป็นข้อบกพร่องและจุดอ่อนของสิ่งต่างๆ มากกว่าจะเห็นหรือมอง 95% ที่เป็นคุณเป็นประโยชน์และผลดีของสิ่งนั้นๆ ในห้องประชุมของคนหลายคนหรือในการสนทนาของคนแค่สองคน จึงมีคนพูดว่าตนไม่เห็นด้วยเพราะเขาเห็น 5% มากกว่าคนที่ฟังอะไรก็เห็นด้วยและพูด 95% การประชุมจึงยืดยาวได้อย่างไม่ต้องสงสัย 
  3. ต้องทำงานหลายขั้นตอนกว่าจะทำงานเสร็จสักหนึ่งชิ้น คนทำงานบอกว่า ตอนที่ทำงานด้วยมือแบบที่ยังไม่ได้มีคอมพิวเตอร์มาช่วยนั้นเขาทำงานได้พอประมาณ และเคลียร์งานออกได้ภายในเวลาที่ตนวางแผนได้ แต่ในยามที่นำระบบทุกอย่างมาทำโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการให้บริการ ตอนแรกคนทำงานต้องใช้เวลาปรับตัวเพื่อทำความรู้จักกับระบบที่เขาวางไว้ให้ทำทุกอย่างผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ตามโปรแกรมที่เขาตั้งไว้นั้น ทุกคนก็เข้าใจว่าช่วงแรกที่คนยังไม่ชำนาญก็ต้องช้าไปก่อน เมื่อคุ้นเคยแล้วก็คงจะเร็วขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ตามที่วิเคราะห์ความคุ้มค่าในการลงทุนไว้ก่อนมีการอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงและนำมาใช้ปฏิบัติจริง
    แต่มีเรื่องที่น่าคิดแต่ไม่มีใครมีเวลามาคิดและมาคุยมาแก้ไขกันก็คือ ตอนนี้คนทำงานก็ชำนาญกับการทำงานโดยผ่านระบบคอมพิวเตอร์กันทุกคนแล้ว บริษัทๆ ต่าง ล้วนเป็นออฟฟิศออโตเมชั่น ดูทันสมัยแล้ว แต่เหตุไรคนทำงานจึงทำงานไม่ทันเวลากันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ต้องอยู่ทำงานกันค่ำๆ ยิ่งบริษัทใดมีระบบการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ที่ก้าวหน้าเท่าใด คนในบริษัทนั้นยิ่งต้องอยู่ทำงานกันค่ำมากเท่านั้น ที่ว่ามาก คือ จำนวนคนที่ต้องอยู่ทำงานค่ำๆ มีมากจนพูดได้ว่าอยู่ค่ำกันจนเป็นกิจวัตรประจำวันธรรมดาๆ ตอนแรกกลับช้าเป็นบางวัน ตอนหลังกลับช้าทุกวันจนชิน ตกลงว่าคอมพิวเตอร์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานจริงๆ หรือ

ทำไมคนจึงทำงานไม่ทันกันเกือบทั้งประเทศ
ตอนนี้ไปที่ไหนก็มีแต่คนบอกว่ามีงานเยอะมากจนทำงานไม่ทัน ต้องทำงานจนค่ำบางคนแทบจะนอนค้างที่ทำงาน คุยกันแล้วก็พบว่า เพราะว่าตอนกลางวันส่วนใหญ่ เขาต้องใช้เวลาประชุมเป็นเวลานานบางครั้งก็ต้องคุยกับลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงานบ้าง คนจึงต้องมาทำงานเอกสารตอนเย็นหลังเวลาเลิกงาน บางคนบอกว่างานส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเอกสารและแบบฟอร์มต่างๆ ที่ต้องทำ และเอกสารแต่ละอย่างที่ต้องทำก็มีขั้นตอนในการทำที่มากมายหลายขั้นตอนที่กินเวลาในการทำอย่างมาก ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะเขาตั้งระบบไว้ให้ทุกคนต้องทำตาม คนจึงเครียดกันเยอะจากความซับซ้อนของระบบและขั้นตอนการทำงานที่ใช้กันอยู่

ความซับซ้อนเกิดขึ้นเพราะอะไร
ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน ปรมาจารย์ด้านความคิดสร้างสรรค์ มองเห็นทางของความซับซ้อนยุ่งยากในการทำงาน และพบว่าความซับซ้อนเกิดจาก

  1. เราพยายามทำอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน
  2. เรานำงานที่แตกต่างกันในหลายๆ อย่างมารวมกันเหมือนกับว่าเป็นงานชิ้นเดียวกัน
  3. เราอยากได้ความสมบูรณ์แบบที่สุด จึงเพิ่มเติมสิ่งต่างๆ ลงจนเกินความจำเป็นทำให้ผลประโยชน์ที่ได้รับไม่คุ้มค่ากับความยุ่งยากที่ตามมา

ทำไมสิ่งต่างๆ จึงมักซับซ้อนขึ้นแทนที่จะง่ายขึ้น เพราะ

  1. เรายังหาวิธีที่เรียบง่ายกว่าวิธีที่เราทำอยู่ไม่ได้
  2. ผู้คนเคยชินกับความซับซ้อนจนไม่รู้สึกว่ามันก่อให้เกิดความยุ่งยาก และซ้ำยังเพิ่มและเติมสิ่งต่างๆ ที่ทำให้ซับซ้อนมากขึ้น
  3. เป็นความจริงที่ถ้าพนักงานคนหนึ่งเคยชินกับขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อนยุ่งยากเสียแล้วเขาอาจไม่เห็นว่าขั้นตอนนั้นซับซ้อนยุ่งยากแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่ต้องการหาวิธีที่ช่วยให้งานนั้นเรียบง่ายขึ้น เพราะเขาจะรู้สึกสูญเสียสถานะของความเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการทำงานนั้นๆ

ถ้าทำให้สิ่งต่างๆ เรียบง่ายขึ้น แล้วจะดีได้อย่างไร
ความเรียบง่ายมีคุณค่ามหาศาล เพราะว่า

  1. ความเรียบง่ายทำให้มีชีวิตที่ง่ายขึ้น
  2. ความเรียบง่ายช่วยให้ทำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
  3. ระบบที่เรียบง่าย สร้างได้ง่ายกว่าประเมิน ผลได้ง่ายกว่า และปรับแก้ได้ง่ายกว่า
  4. ขั้นตอนที่เรียบง่ายช่วยให้ ประหยัดเวลา ประหยัดเงิน และประหยัดพลังงาน
  5. ความเรียบง่ายสง่างาม
  6. ความเรียบง่ายใช้ได้ผลมาก

ทำไมความเรียบง่ายจึงมีผลดีต่อประสิทธิภาพในการทำงาน
เราควรจำไว้ว่าความเรียบง่ายจะนำพาไปสู่ประสิทธิภาพในการทำงานและการผลิตหลายด้าน คือ

  1. ลดความเครียดและความกังวลในการทำงาน
  2. ทำงานได้รวดเร็วขึ้น
  3. ความปลอดภัยในการทำงานมีมากขึ้น
  4. ความผิดพลาดในการทำงานลดลง
  5. งานสำเร็จได้ตามเป้าหมายโดยใช้คนที่มีความชำนาญน้อยกว่า

ทำไมผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลจึงให้ความสำคัญกับคนในองค์กรมาก
เพราะเขามองเห็นคุณค่าของพนักงานที่เข้ามาทำงานร่วมกับเขาในองค์กรอย่างแท้จริง เขารู้ว่าพนักงานนี่แหละเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในองค์กร ในขณะที่ทุกคนพูดถึงแต่ประสิทธิภาพในการผลิต และการบริการลูกค้า ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมองเห็นว่า การทำให้ชีวิตสำหรับคนทำงานเรียบง่ายขึ้น น่าจะเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเท่าๆ กัน

ทำไมผู้บริหารบางส่วนจึงไม่ใส่ใจทำให้คนทำงานเรียบง่ายขึ้น
เพราะผู้บริหารเหล่านี้มององค์กรเหมือนเครื่องจักรเครื่องหนึ่ง ซึ่งประกอบขึ้นด้วยน็อตหลายๆ ตัว พนักงานก็เปรียบเสมือนน็อตที่เป็นตัวประกอบเล็กๆ ที่ทำให้เครื่องทำงาน ผู้บริหารที่มีความคิดเห็นเช่นนี้ จึงปฏิบัติต่อพนักงานเหมือนต่อน็อต เหมือนปฏิบัติต่อวัตถุที่ไม่มีเลือด ไม่มีเนื้อ ไม่มีความรู้สึกใดๆ ผู้บริหารที่มองพนักงานเหมือนน็อตตัวใหม่มาใส่แทน ผู้บริหารที่ยังคงมีความคิดเห็นเช่นนี้อยู่เพราะยังไม่รู้ว่ามนุษย์มีคุณค่ามากกว่าน็อตมหาศาล เพราะมนุษย์มีความคิด ความคิดของมนุษย์เป็นเครื่องผลิตความเจริญก้าวหน้าให้แก่องค์กร มนุษย์หรือพนักงานในองค์กรนั่นเองที่มีค่าที่สุด

ทำอย่างไรองค์กรจะก้าวหน้าและพนักงานมีความสุขในการทำงาน
นกสร้างรังที่สะดวกสบายที่สุดสำหรับตัวเองและลูกน้อย เหตุใดเลยคนทำงานจึงไม่หาทางทำให้ชีวิตการทำงานเรียบง่ายและสะดวกขึ้นสำหรับตนเองบ้าง ระบบงานและขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยากซับซ้อนทำให้พนักงานต้องการใช้เวลาอันมากมายเกินความจำเป็นมาทำให้เสร็จแต่ละชิ้น ผู้บริหารควรกล้าหาญเด็ดเดี่ยวลุกขึ้นมานำพนักงานในทีมงานให้ช่วยกันคิดหาวิธีการทำงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน คือทำให้ระบบงาน ดีขึ้น ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และสะดวกขึ้น สำหรับคนทำงานเองและผู้รับบริการและผู้เกี่ยวข้องทั้งมวล เพื่อเป้าหมายที่ว่า งานก็ก้าวหน้าเร็วขึ้น องค์กรดีขึ้น ชีวิตคนทำงานก็ดีขึ้น มีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น

คนคิดระบบให้กระชับได้ด้วยความคิดสร้างสรรค์
ทุกอย่างมีระบบเป็นแนวทางการขับเคลื่อน คนที่คิดระบบงานคอมพิวเตอร์ก็ตามระบบการประชุมและหารือกันก็ตาม ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นตัวช่วยอย่างแรง จึงจะทำให้เขาสามารถคิดได้หลุดออกจากกรอบความคิดที่เคยชินอยู่จนกลายเป็นกรอบความคิดที่บล็อคเราไว้โดยหาทางออกไปจากเดิมไม่ได้ คนคิดระบบทุกคนล้วนเก่งๆ ทั้งนั้น ลองไปศึกษาด้านความคิดสร้างสรรค์ดูแล้วจะช่วยให้คิดขั้นตอนและระบบที่สั้นขึ้นเร็วขึ้น กระชับขึ้น และได้ผลดีกว่าวิธีเดิมๆ เสียอีก

คนคิดระบบที่มีประสิทธิภาพสูงจริงๆ น่าจะสามารถคิดระบบและขั้นตอนที่ง่ายๆด้วย Simplicity ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานชิ้นหนึ่งเสร็จได้ด้วยวิธีที่ Simpler, Easier, Faster and Better ระบบการประชุมก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่สามารถคิดวิธีที่ทำให้การประชุมตรงประเด็น ไม่สะเปะสะปะ ใช้เวลายาวนาน แต่หาข้อสรุปไม่ได้ แล้วยังมีความขัดแย้งระหว่างคนประชุมด้วยกันอีก ก็ลองใช้ความคิดสร้างสรรค์เข้ามาช่วยดู รับรองว่าได้ผลแน่นอนเพราะมีคนพิสูจน์กันมาแล้วทั่วโลก อย่ายอมให้ชีวิตการทำงานถอยหลังไปด้วยประสิทธิภาพ ของระบบที่ซับซ้อนกันเลย เพียงเพิ่มประสิทธิภาพของการคิดให้แก่ตนเอง ระบบที่เราคิดก็จะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้จริงๆ

  • อาจารย์รัศมี ธันยธร ผู้อำนวยการศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ บริษัท ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ จำกัด www.creativitycenter.co.th
  • ภาพ Rawpixel.com – Freepik.com