ฉบับที่ 6 ตุลาคม-ธันวาคม 2023

จากใจเลขาธิการ

สวัสดีครับ เพื่อนของสมาคมพระคริสตธรรมไทยทุกท่าน

ผมรู้จักพระเจ้ามานานกว่า 35 ปีแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมสนใจเรื่องพระเจ้าตั้งแต่แรกคือพระคัมภีร์ที่เป็นหนังสือมหัศจรรย์ พระคัมภีร์เป็นหนังสือที่แตกต่างจากหนังสือทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นเอกภาพในเนื้อหาแม้จะมีผู้เขียนกว่า 40 คนที่ทยอยกันเขียนพระธรรมเล่มต่างๆ ตลอดระยะเวลามากกว่า 1,500 ปี คำพยากรณ์ต่างๆ จำนวนมากที่สำเร็จเป็นจริงไปแล้วอย่างน่าทึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับพระเยซู เรื่องราวในพระคัมภีร์หลายตอนที่สอดคล้องกับตำราประวัติศาสตร์เล่มอื่นๆ ที่ผมอ่าน เป็นหนังสือที่หลายคนพยายามจะทำลาย แต่กลับอยู่รอดมาจนทุกวันนี้ และกลายเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดตลอดกาล สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้ผมรักการอ่านและศึกษาพระคัมภีร์มาตั้งแต่เป็นผู้เชื่อใหม่ ผมหลงใหลในศาสนศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และภาษาเดิมของพระคัมภีร์ ความอยากรู้พระคัมภีร์ของผมมีอย่างไม่เคยจบสิ้น หลายคนอาจจะชอบอ่านพระคัมภีร์ด้วยเหตุผลที่คล้ายคลึงกับผม แต่ท่านเคยคิดหรือไม่ว่า พระคัมภีร์เป็นมากกว่าหนังสือที่เต็มไปด้วยข้อมูลมากมายให้เราศึกษา

แท้จริง เบื้องหลังเนื้อหามากมายเหล่านั้นคือ พระเจ้า แผนการ และน้ำพระทัยพระองค์ พระลักษณะของพระองค์สำแดงออกผ่านสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการทรงสร้างสรรพสิ่งอย่างดี การทำพันธสัญญากับบุคคลต่างๆ การสถาปนาและมีส่วนร่วมกับอิสราเอลที่เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นการอวยพรหรือพิพากษาโทษ ไปจนถึงการเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์และการไถ่ของพระเยซูคริสต์ รวมถึงการให้กำเนิดคริสตจักรอันเป็นคนกลุ่มใหม่ที่พระเจ้าเรียกออกมาจากโลกเพื่อเป็นของพระองค์ สิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้ชัดจากเรื่องราวทั้งหมดในพระคัมภีร์ คือ พระเจ้าทรงรักมนุษย์อย่างมากและมีแผนการที่ดีเลิศสำหรับพวกเขา

ในแง่หนึ่ง พระคัมภีร์จึงเป็นเหมือนจดหมายรักจากพระเจ้าถึงเรา พระคัมภีร์ไม่เพียงบอกเราว่า พระเจ้าทำอะไร แต่พระองค์คิดอะไร และรู้สึกเช่นไรต่อคนของพระองค์ด้วย คำถามสำคัญคือ ทุกครั้งที่เราอ่านพระคัมภีร์ เราเป็นเหมือนเพียงคนนอกที่กำลังมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของผู้คนในอดีตที่รู้จักพระเจ้า หรือเรามีปฏิสัมพันธ์กับพระเจ้าที่เรารู้จักผ่านเรื่องราวเหล่านั้นด้วย เราได้ถามตัวเราเองหรือไม่ว่า พระเจ้าต้องการจะบอกอะไรกับเราอย่างเจาะจงผ่านตัวอักษรเหล่านั้น เราเห็นพระเจ้าชัดเจนมากขึ้นผ่านเรื่องราวเหล่านั้นหรือไม่ มีสิ่งใดที่เราควรจะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง ทุกครั้งที่เราอ่านพระคัมภีร์ เราจึงไม่ควรรู้เกี่ยวกับพระองค์มากขึ้นเท่านั้น แต่รักพระองค์มากขึ้นด้วย

ขอพระเจ้าทรงสัมผัสใจท่านด้วยความรักของพระองค์ผ่านถ้อยคำทุกตอนในพระวจนะของพระองค์

  • ประกิจ ตรีทศายุธ

คุณรู้หรือไม่

 

 

 

 

ทำทำไมยอห์นจึงเรียกพระเยซูว่า “พระวาทะ”

ในพระกิตติคุณและจดหมายฝากของยอห์น ท่านอัครทูตเรียกพระเยซูว่า พระวาทะ พระกิตติคุณยอห์นเปิดด้วยข้อความว่า “ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า ในปฐมกาลพระองค์ทรงอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาโดยพระวาทะ ในบรรดาสิ่งที่เป็นอยู่นั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่เป็นอยู่นอกเหนือพระวาทะ” (ยน. 1:1-3) จดหมายฝากฉบับแรกของท่านขึ้นต้นว่า “เราขอแจ้งเกี่ยวกับสิ่งที่มีมาตั้งแต่ปฐมกาล ซึ่งเราได้ยิน ได้เห็นกับตา ได้พินิจดู และจับต้องด้วยมือของเรานั้น คือพระวาทะแห่งชีวิต” (1 ยน.1:1) ยอห์นยังได้กล่าวด้วยว่า “พระวาทะทรงเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา เราเห็นพระสิริของพระองค์ คือ พระสิริที่สมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง” (ยน.1:14) จึงเป็นที่แน่ชัดว่า พระวาทะที่ท่านกล่าวถึงนี้คือพระเยซูคริสต์นั่นเอง เหตุใดยอห์นจึงเรียกพระเยซูเช่นนั้น

คำว่า “พระวาทะ” ในต้นฉบับภาษากรีก คือ logos ความหมายของคำนี้ที่เราคุ้นเคยคือ ถ้อยคำ ข้อความ หรือ คำพูด คำกรีกคำนี้ยังให้ความหมายถึง เหตุผล และยังเป็นรากศัพท์ของคำว่า logic ในภาษาอังกฤษที่แปลว่า ตรรกะ ซึ่งก็หมายถึงการให้เหตุผลด้วยคำพูด

นอกจากนี้ logos ยังถูกใช้ในทางปรัชญาของกรีก เพื่อหมายถึง จิตวิญญาณของจักรวาล หลักการที่เป็นสากล หรือพลังที่มีอำนาจในการสร้างและพยุงรักษาสรรพสิ่งในจักรวาล ในแง่นี้ สรรพสิ่งเกิดขึ้นจาก logos
เฮราคลิตุส (Heraclitus) ซึ่งเป็นนักปรัชญาชาวกรีกที่มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาลได้นำเสนอแนวคิดนี้ เพื่ออธิบายถึงเหตุผลที่จักรวาลมีความเป็นระบบระเบียบ อย่างไรก็ตาม logos ไม่ได้มีความเป็นบุคคลหรือเป็นพระเจ้าอย่างที่เราเชื่อ คำถามที่น่าสนใจ คือ ยอห์นใช้คำนี้โดยมีนัยบางอย่างหรือไม่

คนกรีกโบราณเชื่อในเทพเจ้าหลายองค์ (Polytheism) เทพเจ้าเหล่านี้สถิตอยู่บนภูเขาสูง ห่างไกลจากมนุษย์ เมื่อยอห์นกล่าวว่า logos ได้มาบังเกิดเป็นมนุษย์และอยู่ท่ามกลางเรา ผู้อ่านที่เป็นคนกรีก หรือคนที่เข้าใจปรัชญาแบบกรีกจะเข้าใจได้ทันทีว่า ผู้ทรงอำนาจที่สร้างและพิทักษ์รักษาจักรวาลได้มาบังเกิดเป็นมนุษย์ logos ที่ยอห์นกล่าวถึงนี้ได้มาอยู่ท่ามกลางมนุษย์ซึ่งแตกต่างจากเทพเจ้าทั้งปวงที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์

ในขณะเดียวกัน สิ่งที่ยอห์นนำเสนอก็ยังสอดคล้องกับแนวคิดของพันธสัญญาเดิมด้วย เพราะ logos นั้นดำรงอยู่ในปฐมกาล ซึ่งสะท้อนแนวคิดของพระธรรมปฐมกาลบทแรกที่กล่าวว่า พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งผ่านทางคำตรัส (ปฐก.1:3, 6, 9, 14, 20, 24, 26) ผู้เขียนพระธรรมสดุดีก็กล่าวเช่นกันว่า พระยาห์เวห์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์โดยพระวจนะของพระองค์ (สดด.33:6)

เป็นไปได้ว่า กลุ่มเป้าหมายที่ยอห์นตั้งใจเขียนพระกิตติคุณให้อ่าน คือ คนที่ได้รับอิทธิพลความคิดแบบกรีก ซึ่งมีอยู่จำนวนมากในเวลานั้น นั่นเป็นเพราะในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชซึ่งเป็นกษัตริย์ชาวกรีกได้ขยายอาณาจักรของพระองค์ไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล ครอบคลุมดินแดนที่เป็นประเทศกรีซไปจนถึงบริเวณทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอินเดียในปัจจุบัน รวมทั้งดินแดนอียิปต์และปาเลสไตน์ด้วย ทุกที่ที่พระองค์เสด็จไป พระองค์ได้นำวัฒนธรรมกรีกไปเผยแพร่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาษา ปรัชญา ศิลปะ และการศึกษาซึ่งส่งอิทธิพลเรื่อยมาจนถึงสมัยของพระเยซู นี่คือเหตุผลที่พันธสัญญาใหม่ถูกเขียนขึ้นเป็นภาษากรีกซึ่งเป็นภาษาสากลของคนในแถบนั้น

ด้วยเหตุนี้เอง แทนที่จะนำเสนอพระกิตติคุณโดยใช้ภาษาหรือแนวคิดที่ผู้ฟังไม่คุ้นเคย ยอห์นเลือกที่จะใช้แนวคิดเรื่อง logos เป็นสะพานเชื่อมระหว่างพระกิตติคุณเรื่องพระเยซูผู้ทรงเป็นพระเจ้าที่เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์กับผู้ฟังที่เข้าใจแนวคิดเรื่อง logos

ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราประกาศข่าวประเสริฐ เราก็ควรจะเลือกใช้คำพูด ตัวอย่าง หรือแนวคิดที่ผู้ฟังเข้าใจง่าย แทนที่จะใช้ภาษาคริสเตียนที่เราคุ้นเคยแต่เขาฟังไม่เข้าใจ

• ภาพจาก LUMO Project


กิจกรรมTBS

TBS ขอเชิญชวนน้องๆ เยาวชน และผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน ซูเปอร์จิ๋วเจาะโลกพระคัมภีร์ ระดับประเทศ ประจำปี 2023 ได้แล้ววันนี้ โดยในปีนี้ได้จัดการแข่งขันเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบภาคสนาม (ออนไซต์) และแบบออนไลน์ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณกรณิกา โทร. 064-401-4233


สนุกกับพระคัมภีร์


แนะนำสินค้า

 


พันธกิจ TBS

กิจกรรมสัญจร รับพระพร 365 วัน

ตลอดระยะเวลามากกว่า 130 ปี TBS มีความมุ่งมั่นในการผลิต เผยแพร่ และดำเนินพันธกิจในการส่งเสริมการศึกษาพระคัมภีร์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และนำพระคัมภีร์ไปประยุกต์ใช้ในชีวิต กิจกรรมสัญจร รับพระพร 365 วัน เป็นโครงการใหม่ที่ TBS ริเริ่มขึ้นในปีนี้ เพื่อมอบพระคัมภีร์ จัดกิจกรรมสันทนาการ เล่าเรื่อง และระบายสีภาพวาดเรื่องราวจากพระคัมภีร์ ให้แก่ผู้ด้อยโอกาสและกลุ่มเปราะบาง อันได้แก่ เด็กกำพร้า ผู้ยากไร้ในชุมชน และในอนาคต TBS ยังมีความตั้งใจที่จะนำพระวจนะไปสู่ผู้ต้องขังในเรือนจำ ตลอดจนผู้ป่วยในโรงพยาบาล เพื่อให้พระคัมภีร์เป็นแสงสว่างในทุกย่างก้าว เป็นความหวังและกำลังใจ ในทุกช่วงเวลาและสถานการณ์ชีวิตของทุกคน ด้วยนิมิตที่จะทำให้พระวจนะพระเจ้าไปถึงหัวใจของคนไทยทุกคน