คำอธิษฐานที่พระเจ้าทรงตอบ

แม้วันเวลาจะล่วงเลยไปวันแล้ววันเล่า ครอบครัวก็ยังคงเป็นสถาบันที่คงอยู่ตลอดไป “ครอบครัว” คือชีวิต ของชายและหญิงที่ตกลงใจจะอยู่ร่วมกัน จากนั้นก็จะมีลูก เป็นโซ่คล้องใจให้ชีวิตทั้งสอง อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เมื่อลูกเกิดมาชีวิตได้รับการเรียนรู้ การเรียนจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่สำคัญมาก เริ่มต้นจากการเรียนรู้สิ่งรอบข้าง ตัวเอง จากนั้นก็เข้าศึกษาต่อในโรงเรียนที่มีการเรียน การสอนตามระบบการศึกษาที่รัฐบาลกำหนด แต่จะมี สักกี่คนที่ต้องการให้ลูกเป็นอะไร แล้วได้เป็นตามที่ใจตัวเองปรารถนา แต่มีบุคคลหนึ่ง ท่านมีลูก 2 คน และได้ เป็นแพทย์ทั้งสองคน เขาทำอย่างไร? กวดวิชาที่ไหน? มีการช่วยเหลือลูกอย่างไรบ้าง? มีเคล็ดลับอะไร? คุณพีรพัฒน์ จุฬาลักษณ์ศิริบุญ ท่านเกิดใน ครอบครัวคริสเตียน สมรสกับนางทัศนัย มีบุตรชาย 1 คน บุตรสาว 1 คน ทำงานในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานพยาธิ ณ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จากการที่อยู่ในครอบครัวคริสเตียน ท่านจะตามคุณพ่อคุณแม่ไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ เริ่มจาก เป็นคริสตตามก่อน และจึงได้เชื่อพระเจ้าอย่างแท้จริง ท่านรับบัพติสมาเมื่ออายุ 21 ปี ลูกคือสิ่งที่สำคัญมากในชีวิต เขาคือแหล่งรวมความรักระหว่างพ่อและแม่ เขาคือส่วนหนึ่งของชีวิตพ่อและแม่ที่ไม่อาจตัดขาดได้ การที่พ่อแม่เห็นลูกมีชีวิตที่ดี มีอนาคตที่ดี […]

ความหวัง กำลังใจ ชัยชนะ

“ชีวิตล้วนอนิจจังแม้จะมีความทุกข์สักเท่าใดพระองค์ทรงเคียงใกล้ไม่เคยห่าง ทรงช่วยผ่อนทุกข์ หนักให้เบาบาง ความเจ็บปวดบ้างพระสร้างให้รู้คุณ ยามสุขเราสรรเสริญพระองค์เจ้า ยามเศร้ามีพระองค์ทรงเป็นเพื่อน ช่วยอบรมข่มจิตสนิทเตือน พระเป็นพ่อและ เพื่อนจงอย่ากลัว ชีวิตเราเหมือนเทียนที่จุดไว้ มอดไหม้ไป นานๆ ก็พาลหมด ทุกสิ่งเราสร้างแม้เกียรติยศ ก็สูญสิ้นหมด ล้วนอนิจจัง” ชีวิตที่เกิดมาทุกชีวิตต้องเผชิญกับโรคภัยไข้เจ็บมากมาย ตั้งแต่เกิดมา จนกระทั่งจากโลกนี้ไป แต่โรคร้ายที่คร่าชีวิตคนในโลกนี้ไปมากต่อมากมาแล้วโรคหนึ่งคือ โรคมะเร็ง ถ้าใครก็ตามที่เจ็บป่วยและตรวจพบว่าเป็นมะเร็งก็จะหมดกำลังใจ สิ้นหวัง เพราะรู้ว่าการรักษาโรคนี้ต้องใช้จ่ายเงินมาก และไม่แน่ใจว่ารักษาแล้วจะหายหรือไม่ หรือบางคนรักษาไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ไม่นานนักก็ต้องเสียชีวิต แต่มีชีวิตหนึ่ง ที่เป็นมะเร็ง ครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านผู้นี้มีความหวัง มีกำลังใจ และมีชัยชนะต่อโรคร้าย ท่านทำให้เราเห็นว่า แม้ร่างกายจะถูกมะเร็งร้ายกัดกิน แต่วิญญาณจิตของท่านยังคงมีชัยชนะเหนือโรคร้ายนั้น ท่านทำได้อย่างไร คุณสุภาพร กันทะเสน อายุ 60 ปี สมรส และมีบุตรสาว 2 คนเป็นสมาชิกคริสตจักร นิมิตใหม่ ทั้ง ครอบครัว คุณแม่สุภาพรมาเป็นคริสเตียนเพราะลูกสาวคนโตมาเชื่อพระเจ้าก่อน  จากนั้นก็พาคุณพ่อและคุณแม่รวมทั้งน้องสาวมาเชื่อพระเจ้า ท่านเล่าให้เราฟังถึงช่วงเวลาที่ท่านต้องสัมผัสกับโรคร้าย ดูเหมือนชีวิตจะหมดกำลังเรี่ยวแรงที่จะดำเนินชีวิตต่อไปและแล้วคำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมก็มีพลัง ทำให้โรคร้ายหายได้ ท่านเล่าให้ฟังว่า […]

ยอม (คุณวีระศักดิ์ เสถียรวันทนีย์)

ยอม “ยอม” พจนานุกรมไทยให้คำจำกัดความว่า “อาการที่แสดงออกบอกให้รู้ว่าเห็นด้วย ไม่ขัด ตกลงปลงใจ” คำนี้เป็น ศัพท์ธรรมดาสามัญที่คนทั่วไปรู้จักและใช้เมื่อเผชิญทางตัน ต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤต เรื่องต่อไปนี้เรียบเรียงจากการให้สัมภาษณ์ของคุณวีรศักดิ์และคุณสายธาร เสถียรวันทนีย์ แห่งบริษัทบิวตี้เจมส์ คุณวีรศักดิ์เป็นผู้จัดการฝ่ายบริหาร – การเงินและการธนาคาร คุณสายธารตำแหน่งผู้จัดการบริหารฝ่ายจัดซื้อ สมาคมพระคริสตธรรมไทย ขอขอบพระคุณทั้งสองท่านที่ยินดีให้ถ่ายทอดเรื่องราวในครอบครัวผ่าน “คริสตสายสัมพันธ์” เพื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังเผชิญ ทางตัน ให้ตัดสินใจที่จะ “ยอม” ในขณะที่ยังมีโอกาส คุณวีรศักดิ์เติบโตมาในครอบครัวใหญ่ เขายอมรับว่ามีวัยเด็กที่เกเรและเอาแต่ใจตนเอง และเมื่อเป็นผู้ใหญ่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นคน ดื้อรั้น เป็นจอมบงการของพี่น้อง แต่พระเจ้าก็รู้จักเขาตั้งแต่ต้น และมีแผนการสำหรับชีวิตของเขาเช่นเดียวกับที่พระองค์รู้จักมนุษย์ทุกคน และมีแผนการสำหรับทุกคน มีภรรยาเป็นคริสเตียน คุณวีรศักดิ์สมรสกับคุณสายธารซึ่งบิดาเป็นคริสเตียน และมีโอกาสไปโบสถ์ตั้งแต่เด็กแม้จะเป็นการสลับกันไปกับพี่ๆน้องๆ เนื่องจากไม่สะดวกที่พ่อจะพาลูกทั้งหมดไปโบสถ์พร้อมกัน แต่เมื่อสมรสแล้ว คุณสายธารไม่ได้ไปโบสถ์อยู่นานหลายปี ในช่วงระยะเวลานั้น เธอมีความจำเป็นต้องให้ความร่วมมือกับครอบครัวสามีในการเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ในเทศกาลต่างๆ เป็นประจำ แต่เธอก็อธิษฐานเผื่อสามีเสมอ เมื่อมีลูกและทั้ง 3 คนโตขึ้นแล้ว คุณสายธารได้ขออนุญาตสามีพาลูกไปโบสถ์ เพราะหวังว่าลูกจะเติบโตขึ้นเป็นเด็กดีในทางของพระเจ้า คุณวีรศักดิ์เป็นผู้ขับรถพาครอบครัวไปโบสถ์เองบ่อยๆ บางครั้งก็ต้องเข้าไปนั่งในโบสถ์ด้วยอย่างเสียไม่ได้ และเขาก็ทนฟังเรื่องของพระเจ้าไม่ได้ ในหลายๆ ครั้งก็เข้าโบสถ์ทางประตูหน้าและรีบออกทางประตูหลัง เพื่อจะหลีกเลี่ยงไม่ต้องพบศิษยาบาลของคริสตจักร ซึ่งคอยดักรอจะคุยกับเขาอยู่เสมอ น้องชายและลูกชายรับเชื่อพระเจ้า วันเวลาผ่านไป […]

ฤทธานุภาพแห่งพระวจนะที่ยิ่งใหญ่

ฤทธานุภาพแห่งพระวจนะที่ยิ่งใหญ่ “ฤทธานุภาพแห่งพระวจนะที่ยิ่งใหญ่” ศจ. ดร.กมล อารยะประทีป… ประสบการณ์ที่แต่ละคนมาเชื่อพระเจ้า เป็นความทรงจำที่ดี และมีคุณค่ายิ่ง และท่านผู้นี้ที่เล่าประสบการณ์จริงจากผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ได้รู้จักกับองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านทางพระวจนะของพระองค์ การสัมภาษณ์พูดคุยในครั้งนี้เป็นเครื่องนำทาง ให้เราเดินย้อนกลับไปในวันแรกที่เธอมีโอกาสได้รับพระวจนะของพระเป็นเจ้า เธอพบว่าตนเองเป็นคนโง่ วัยรุ่นหญิงคนหนึ่งเดินทางจากกรุงเทพฯ เข้าเป็นคนไข้ที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อไปถึงเตียงคนไข้ก็ได้เพื่อนคนหนึ่งคือ คุณสงวน ลายดี มาจากจังหวัดตรังและได้มาถึงก่อนเพียง 3 วัน ทั้งสองนอนห้องติดกันและป่วยเป็นวัณโรคเหมือนกัน ถึงแม้ว่าทั้งสองจะต่างวัยกันแต่ก็เป็นเพื่อนกันได้ดี คุณสงวนมีเพื่อนจากตรังมาเยี่ยมเสมอ วันหนึ่งเพื่อนจากตรังมาเยี่ยมคือ คุณเทียมแข เชาว์ชูเวช และได้มอบพระคัมภีร์เล่มใหญ่ให้แก่วัยรุ่นคนนี้ด้วย แต่ปรากฏว่าผู้รับพระคัมภีร์ไม่สนใจเลย ทิ้งไว้ข้างเตียงเกือบ 3 ปี เมื่อเวลาผ่านไป วันหนึ่งวัยรุ่นคนนี้ได้หยิบพระคัมภีร์มาอ่านโดยไม่ได้เปิดจากหน้าแรกแต่เปิดกลางเล่มปรากฏว่าเป็นพระธรรมอิสยาห์ 44:14-20 เป็นเรื่องชายคนหนึ่ง เข้าป่าตัดต้นไม้มาทำฟืนเพื่อย่างเนื้อรับประทาน เมื่อเขาอิ่มแล้วก็ได้รับความอบอุ่นด้วยไฟจากฟืนนั้น แล้วเขาก็เอาไม้ที่เหลือทำรูปเคารพและกราบไหว้รูปเคารพที่เขาทำขึ้นว่าเป็นพระเจ้าของเขา พร้อมทั้งร้องต่อรูปนั้นขอให้ช่วยเขาด้วย เมื่อวัยรุ่นคนนี้อ่านแล้วก็ร้องออกมาดังๆ ว่า “ชายคนนี้โง่ชะมัดเลยที่กราบไหว้สิ่งซึ่งมือของตนเองประดิษฐ์ขึ้นมา จากท่อนไม้ที่ตนเองนำมาทำฟืน” แต่เสียงอันดังนั้นได้สะท้อนกลับมาถึงตัวเธอเอง ทำให้เธอคิดถึงตนเองว่า แล้วตัวเธอเองเล่า โง่เหมือนชายคนนั้นหรือไม่? เธอพบพระเป็นเจ้าในพระคัมภีร์ เธอจึงอ่านพระคัมภีร์ต่อไป เมื่อถึงข้อ 24 จึงพบว่ามีพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงสร้างสารพัดทั้งจักรวาลทรงเป็นเจ้าของทั้งหมดและทรงครอบครองอยู่ เธอจึงท้าทายออกมาด้วยเสียงอันดังว่า “ถ้าพระเป็นเจ้ามีจริงเธอต้องการรู้จัก” และเธอก็ตั้งต้นอ่านหาคำตอบจากพระคัมภีร์เล่มนั้น […]

สัมภาษณ์พิเศษ คุณหัทยา วงศ์กระจ่าง (เปิ้ล)

สัมภาษณ์พิเศษ คุณหัทยา วงศ์กระจ่าง (เปิ้ล) สมาคมพระคริสตธรรมไทย รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ คุณหัทยา เกษสังข์ หรือชื่อเล่นๆ ว่า “เปิ้ล” ดีเจ พิธีกร และนักแสดง ชื่อดัง เป็นที่รู้จักกันดี เพราะเธอเป็นดีเจจัดรายการวิทยุหลายรายการเป็นพิธีกรรายการทีวี และยังเคยเล่นละครมาหลายเรื่องด้วยกัน ถ้าเอ่ยชื่อนี้คงคิดไปถึงสามีของเธอคือ คุณศรัณยู วงศ์กระจ่าง และลูกสาวฝาแฝด น้องหนุน – หนัง เธอเป็นผู้หนึ่งที่กลับใจมาเชื่อพระเยซูคริสต์เจ้าเพราะได้อ่านพระวจนะของพระเจ้า คือพระคริสตธรรมคัมภีร์ เธอแบ่งปันให้เราฟังอย่างเป็นกันเองถึงการกลับใจในครั้งนี้ สมาคมฯ : ทราบว่าจบการศึกษาจากต่างประเทศ ที่ไหนค่ะ? หัทยา : จากประเทศอังกฤษ ทางด้านกราฟฟิค ดีไซน์ ในระดับปริญญาตรี สมาคมฯ : ชีวิตเมื่ออยู่ที่ประเทศอังกฤษมีประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้าอย่างไรบ้าง? หัทยา : ตอนที่ไปอยู่อังกฤษ อยู่โรงเรียนประจำซึ่งเป็นโรงเรียนคริสต์ มีการให้นมัสการตอนเช้า ร้องเพลงอธิษฐานก่อนทานอาหาร ก่อนนอนก็ให้อ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน วันอาทิตย์ก็ให้ไปโบสถ์ แต่ในตอนนั้นเปิ้ลเองไม่ได้สนใจเรื่องพระเจ้ามากนัก เพราะเราเป็นคนต่างชาติมีความกังวลเรื่องการปรับตัวในการเรียน รวมทั้งเรื่องภาษาด้วย สมาคมฯ : เรียบจบ กลับมาเมืองไทยแล้ว ทำอะไรบ้าง เข้าสู่วงการแสดงเลยหรือเปล่า? หัทยา […]

ห้องรับแขก คุณชลิดา เถาว์ชาลี (นก)

ห้องรับแขก คุณชลิดา เถาว์ชาลี (นก) สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับเข้าสู่บรรยากาศคริสตสายสัมพันธ์ ในช่วง เดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม ประจำปี 1999 ซึ่งฉบับนี้ ทางห้องรับแขกของเรามีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่มีโอกาสได้ต้อนรับสาวงาม ที่งามอย่างมีคุณค่า มีความสวย การันตี ด้วยตำแหน่ง นางสาวไทยประจำปี 2541 คุณชลิดา เถาว์ชาลี ชื่อเล่นว่า “นก” เมื่อมีโอกาสดีขนาดนี้จะปล่อยโอกาสได้อย่างไร ห้องรับแขกของเราก็ไม่รอช้ารีบชวนเธอมาสนทนาพาที ด้วยเรามาเริ่มจากตำแหน่งนางสาวไทย ของเธอซึ่งเป็นภาระอันหนักพอสมควรของผู้หญิงที่เป็นตัวแทนของประเทศชาติว่าเธอรู้สึกอย่างไร เราไปคุยกับเธอกันเลยค่ะ สมาคมฯ : ชีวิตของการเป็นนางสาวไทยเป็นอย่างไรบ้าง ? ชลิดา : ชีวิตเปลี่ยนไปมาก ต้องมีความรับผิดชอบสูงและ ต้องอดทนต่อหลายสิ่งที่ประดังเข้ามาในชีวิต มีการปรับตัว พอสมควรที่จะต้องเปลี่ยนบทบาทของตนมารับหน้าที่ ในการ เป็นตัวแทนของประเทศเป็นภาระที่หนักมาก แต่ก็มีความสุข เพราะว่าได้ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม สมาคมฯ : ชีวิตช่วงหนึ่งของคุณชลิดา ได้ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ มาเป็นเวลาพอสมควร การใช้ชีวิตในต่างประเทศเป็นอย่างไรบ้าง? ชลิดา : เป็นชีวิตของคนไทยในสังคมอเมริกัน ชีวิตค่อนข้าง เรียบง่าย และมีอิสระมาก ที่สำคัญได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวแบบพร้อม หน้าพร้อมตา สมาคมฯ : เราจะมาพูดคุยกันถึงเรื่องของการมาเป็นคริสเตียน คุณชลิดารู้จักกับพระเจ้าได้อย่างไรและเมื่อไหร่ ? ชลิดา : รู้จักกับพระเจ้าเพราะคุณแม่ […]

1 9 10 11